fbpx

11 สถานที่ท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ สุขภาพดีแบบสุดฟิน

การท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ (Health Tourism) เป็นการท่องเที่ยวที่มีจุดประสงค์เพื่อพักผ่อนหย่อนใจ และเรียนรู้วิถีชีวิตแบบธรรมชาติ พร้อมกับทำกิจกรรมส่งเสริม บำบัด และฟื้นฟูสุขภาพ ที่เน้นการเสริมสร้างสุขภาพกายและสุขภาพจิตใจให้สดชื่น และมีความสมดุล ไม่ว่าจะเป็นการนวดแผนไทย การนวดเท้า วารีบำบัด และการบริหารร่างกายอย่างโยคะ เป็นต้น ดังนั้น ในบทความนี้จึงได้รวบรวม 11 สถานที่ท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ ที่รับรองว่าทุกคนจะได้รับทั้งความสนุก ผ่อนคลาย แถมได้สุขภาพดีๆ กลับบ้านอย่างแน่นอน

ประเภทของการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ

ประเภทของการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ

การท่องเที่ยวเชิงสุขภาพสามารถแบ่งออกได้ตามจุดประสงค์การของกิจกรรม และความต้องการของนักท่องเที่ยวเป็นหลัก โดยสามารถแบ่งออกได้เป็น 2 ประเภท ดังนี้

· การท่องเที่ยวเชิงส่งเสริมสุขภาพ (Health Promotion Tourism)

การท่องเที่ยวเชิงส่งเสริมสุขภาพ เป็นการเที่ยวในสถานที่ที่มีความสวยงามตามธรรมชาติ เพื่อไปพักผ่อนหย่อนใจ โดยสถานที่ท่องเที่ยวเชิงสุขภาพส่วนใหญ่มักจะอยู่ที่ต่างจังหวัด ซึ่งมีพื้นที่แหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่สวยงาม พร้อมทั้งมีกิจกรรม หรือโปรแกรมที่มีกิจกรรมบำบัดต่างๆ รวมอยู่ในการไปเที่ยวด้วย เช่น การนวด การอบสมุนไพร และการแช่น้ำพุร้อน เป็นต้น

· การท่องเที่ยวเชิงบำบัดรักษาสุขภาพ (Heath Healing Tourism)

สำหรับการท่องเที่ยวเชิงบำบัดรักษาสุขภาพ เป็นการจัดโปรแกรมไปเที่ยวเพื่อพักผ่อนเช่นกัน แต่มีการบรรจุโปรแกรมการเข้ารับบริการบำบัดรักษาโรค การรักษาพยาบาล และการฟื้นฟูสุขภาพต่างๆ เข้าไปด้วย เช่น การตรวจร่างกาย การทำฟัน ศัลยกรรมเสริมความงาม และการผ่าตัดแปลงเพศ เป็นต้น

รูปแบบของการจัดการท่องเที่ยวเชิงส่งเสริมสุขภาพ

รูปแบบของการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพในประเทศไทยนั้นมีกิจกรรมที่น่าสนใจอยู่ไม่น้อยเลยทีเดียว ไม่ว่าจะเป็นการนวดแผนไทย นวดเท้า หรือการอบและการประคบสมุนไพร เป็นต้น โดยรูปแบบของการจัดการท่องเที่ยวเชิงส่งเสริมสุขภาพที่เป็นที่นิยมมีทั้งหมด ดังนี้

นวดแผนไทย

· นวดแผนไทย 

การนวดแผนไทย ถือเป็นอีกหนึ่งเอกลักษณ์ของไทยที่มีมาตั้งแต่สมัยโบราณ และเป็นศาสตร์ในการบำบัดอีกแขนงหนึ่งของแพทย์แผนไทย โดยประโยชน์ของการนวดแผนไทยนั้นมีหลากหลายเป็นอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นการช่วยคลายปวด หรือทำให้ระบบไหลเวียนโลหิตทำได้ดีขึ้น แถมยังช่วยบรรเทาอาการปวดตามข้อต่อ และกล้ามเนื้อส่วนต่างๆ ได้เป็นอย่างดีอีกด้วย

นวดเท้า

· นวดเท้า

เท้า เป็นอวัยวะที่มีความสัมพันธ์กับส่วนอื่นๆ ของร่างกาย ซึ่งการนวดเท้าแบบไทยจะเป็นการกดจุดบนเท้า โดยนวดที่ฝ่าเท้า หลังเท้า และขา เพื่อกระตุ้นเลือดลมให้ไหลเวียนได้ดีขึ้น ลดความตึงเครียด ป้องกันการเกิดอาการท้องผูก และช่วยให้รู้สึกสบายตัวมากขึ้น

การอบและประคบสมุนไพร

การอบและประคบสมุนไพร 

การอบและการประคบสมุนไพร เป็นการบำบัดรูปแบบหนึ่งที่ช่วยส่งเสริมสุขภาพกาย สุขภาพใจ และช่วยกระตุ้นอารมณ์ให้รู้สึกผ่อนคลาย โดยการอบและประคบสมุนไพรมีรายละเอียด ดังนี้

  • การอบสมุนไพร เป็นการผสมน้ำกับสมุนไพร และเครื่องหอมต่างๆ พร้อมกับใช้ความร้อนทำให้เกิดไอน้ำ เพื่อให้เข้าผู้เข้ารับการบำบัดได้สูดดมไอน้ำสมุนไพร และให้ผิวหนังได้สัมผัสกับไอน้ำ ซึ่งจะช่วยให้การไหลเวียนของโลหิตทำงานได้ดี ร่างกายสดชื่น และผิวพรรณเปล่งปลั่งมากขึ้น
  • การประคบสมุนไพร เป็นวิธีการบำบัดแบบแพทย์แผนไทย โดยนำสมุนไพรสด อย่างเช่น หัวไพล ขมิ้นชัน ตะไคร้ ผิวมะกรูด การบูร ฯลฯ มาห่อด้วยผ้าขาวบางหลายๆ ชั้น พร้อมกับทำให้เป็นทรงกลม หรือที่หลายๆ คนรู้จักกันในชื่อว่า “ลูกประคบ” หลังจากนั้นนำไปนึ่งให้เกิดความร้อน เพื่อให้น้ำมันหอมระเหยออกมา แล้วจึงนำไปประคบที่ผิวหนังบริเวณที่ต้องการ เพื่อให้ผ่อนคลาย และสบายตัวมากขึ้น
สุวคนธบำบัด

สุวคนธบำบัด

สุวคนธบำบัด เป็นการบำบัดด้วยกลิ่นหอมที่ได้จากน้ำมันหอมระเหยที่สกัดมาจากส่วนต่างๆ ของสมุนไพร เช่น รากไม้ เปลือกไม้ ดอกไม้ และใบไม้ เป็นต้น นอกจากนั้นยังมีสารสกัดที่มาจากสัตว์ด้วย เช่น อำพันทอง ที่ได้มาจากสำรอกปลาวาฬ ชะมดเช็ด บีเวอร์ และกวาง ซึ่งวิธีการบำบัดด้วยสุวคนธบำบัดที่นิยมมีอยู่ด้วยกัน 3 วิธี คือ

  • การสูดดมโดยตรง ด้วยการเทใส่กระดาษทิชชู่ หรือใส่เครื่องพ่นอโรม่า
  • การผสมลงในอ่างแช่น้ำ
  • การนวด หรือทาลงบนผิวหนังโดยตรง
การบริการอาบน้ำแร่

การบริการอาบน้ำแร่

การบริการอาบน้ำแร่ ถือเป็นสถานที่ท่องเที่ยวเชิงสุขภาพที่ได้รับการพัฒนา และสนับสนุนให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงสุขภาพมากขึ้น เพราะว่าการอาบน้ำแร่นั้นสามารถช่วยบรรเทาอาการปวดกระดูก และกล้ามเนื้อ ช่วยทำความสะอาดผิวหนัง และรูขุมขนได้ดี และช่วยให้การหมุนเวียนของโลหิตดีขึ้น โดยในประเทศไทยมีทั้งน้ำพุร้อน และบ่อน้ำร้อนที่มีอยู่ในหลายๆ จังหวัด เช่น ลำปาง ระนอง เชียงใหม่ เชียงราย อุทัยธานี ยะลา และตรัง เป็นต้น ซึ่งแต่ละแห่งนั้นจะมีให้บริการทั้งแบบการแช่เท้า และการแช่ตัว

วารีบำบัด

วารีบำบัด

วารีบำบัด เป็นการบำบัด และส่งเสริมสุขภาพร่างกายด้วยการใช้น้ำเป็นตัวช่วยเสริม เช่น การวิ่งในน้ำ การเต้นแอโรบิกในน้ำ และการเล่นโยคะในน้ำ เป็นต้น เพื่อช่วยเสริมสร้างกล้ามเนื้อให้แข็งแรงมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะในผู้สูงอายุที่มีอาการปวดหลัง หรือผู้ที่มีอาการปวดเมื่อยอยู่บ่อยครั้ง นอกจากนั้นยังมีวิธีการทำวารีบำบัดแบบง่ายๆ ด้วยการอาบน้ำร้อน และน้ำเย็นสลับกัน โดยเริ่มจากอาบน้ำร้อนก่อนประมาณ 3-5 นาที แล้วจึงค่อยสลับไปอาบน้ำเย็น ซึ่งวิธีนี้ยังสามารถช่วยให้ร่างกายสดชื่นขึ้นได้อีกด้วย

การบริการอาหารและเครื่องดื่มสมุนไพรเพื่อสุขภาพ

การบริการอาหารและเครื่องดื่มสมุนไพรเพื่อสุขภาพ

การบริการอาหารและเครื่องดื่มสมุนไพรเพื่อสุขภาพ เป็นรูปแบบของการจัดการท่องเที่ยวเชิงส่งเสริมสุขภาพที่ต้องถูกใจสายกินอย่างแน่นอน โดยการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพรูปแบบนี้จะนำพืช ผัก และสมุนไพรที่มีประโยชน์มาประกอบอาหารให้กับนักท่องเที่ยว เช่น อาหารที่มีส่วนประกอบของผักอย่างเดียว หรือเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพที่ทำมาจากสมุนไพร เป็นต้น เพื่อให้ร่างกายได้รับสารอาหารที่มีประโยชน์ และช่วยปรับปรุงระบบการทำงานต่างๆ ภายในร่างกายให้ดีขึ้น

บริหารร่างกาย โยคะ

บริหารร่างกาย โยคะ

รูปแบบของการจัดการท่องเที่ยวเชิงส่งเสริมสุขภาพอย่างการบริหารร่างกาย โยคะ เป็นการท่องเที่ยวที่มีการบรรจุโปรแกรมบริหารร่างกายเข้าไปด้วย ไม่ว่าจะเป็นโยคะ ฤาษีดัดตน หรือการบริหารร่างกายแบบอื่นๆ เพื่อช่วยส่งเสริมสุขภาพที่ดี ช่วยให้จิตใจสงบมากขึ้น และสามารถช่วยคลายเครียดได้ดี

การบริการผลิตภัณฑ์สมุนไพรเพื่อสุขภาพและความงาม

การบริการผลิตภัณฑ์สมุนไพรเพื่อสุขภาพและความงาม

การบริการผลิตภัณฑ์สมุนไพรเพื่อสุขภาพและความงาม เป็นการนำสารสกัดจากธรรมชาติ หรือสมุนไพรมาผลิตเป็นเครื่องสำอาง ไม่ว่าจะเป็นการพอกหน้า ขัดตัว หรือขัดเท้า เป็นต้น  เพื่อช่วยให้ผิวพรรณสดใส และได้ผ่อนคลายด้วยการสปา แถมยังช่วยส่งเสริมการท่องเที่ยว และดึงดูดนักท่องเที่ยวที่ชื่นชอบสปา และความงามได้อีกด้วย

การฝึกสมาธิแนวพุทธศาสนา

การฝึกสมาธิแนวพุทธศาสนา 

การท่องเที่ยวแบบการฝึกสมาธิแนวพุทธศาสตร์ เป็นการนำการท่องเที่ยวตามธรรมชาติมาประยุกต์เข้ากับวิถีพุทธศึกษา เช่น การนั่งสมาธิ ปฏิบัติธรรม และการบวชพราหมณ์ เพื่อบำบัดสุขภาพจิตใจให้เกิดความรู้สึกสงบ ผ่อนคลาย และปล่อยวาง พร้อมกับนำหลักคำสอนมาปรับใช้ในชีวิตประจำวันได้อย่างลงตัว

รวม 11 สถานที่ท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ สำหรับสายเฮลตี้โดยเฉพาะ

สถานที่ท่องเที่ยวเชิงสุขภาพในประเทศไทยที่น่าสนใจนั้นมีหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นการนวด การแช่น้ำพุร้อน การทำสปาโคลน รวมไปถึงการทานอาหารเพื่อสุขภาพ และการเล่นโยคะ โดย 11 สถานที่ท่องเที่ยวเชิงสุขภาพที่น่าสนใจ และควรค่าแก่การแวะไปพักผ่อนมีทั้งหมด ดังนี้

น้ำพุร้อนแจ้ซ้อน

· น้ำพุร้อนแจ้ซ้อน

น้ำพุร้อนแจ้ซ้อน เป็นอุทยานแห่งชาติที่อยู่ในจังหวัดลำปาง โดยมีบ่อน้ำพุร้อนทั้งหมด 9 บ่อ และตั้งอยู่รวมกันในบริเวณพื้นที่อุทยานแห่งชาติแจ้ซ้อน ซึ่งน้ำพุร้อนที่นี่จะมีอุณหภูมิเฉลี่ยประมาณ 73 องศาเซลเซียส และมีไอร้อนลอยขึ้นมาอยู่ทั่วทั้งบริเวณ จึงทำให้นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่นิยมนำไข่ไก่ และไข่นกกระทามาแช่ พร้อมกับทำเมนูเด็ดอย่างเมนูยำไข่แจ้ซ้อน นอกจากนั้นยังมีบ่อสำหรับแช่เท้า และห้องแช่น้ำร้อนแบบส่วนตัว ที่ช่วยผ่อนคลายความตึงเครียด แถมยังช่วยทำให้ระบบไหลเวียนเลือดทำงานได้ดีขึ้นอีกด้วย 

· เดอะเปียโน เขาใหญ่ 

เขาใหญ่เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีความอุดมสมบูรณ์ของธรรมชาติ อีกทั้งยังมีอาหารที่หลากหลาย ดังนั้น เดอะเปียโน เขาใหญ่ จึงเป็นสถานที่ท่องเที่ยวเชิงสุขภาพในเขาใหญ่ ที่ได้มีการนำร่องก่อนแห่งอื่น ซึ่งจะมีการนวดรักษา และนวดผ่อนคลายไว้คอยบริการ นอกจากนั้นเขาใหญ่ยังเป็นพื้นที่ที่ถูกจัดอันดับให้เป็นแหล่งโอโซนอันดับ 7 ของโลก ที่มีความสวยงามของธรรมชาติ บรรยากาศดี และมีอากาศบริสุทธิ์ จึงเหมาะแก่การเป็นแหล่งรักษาด้วยธรรมชาติบำบัดเป็นอย่างมาก

· ภูโคลน คันทรีคลับ

ภูโคลน คันทรีคลับ เป็นสถานที่ท่องเที่ยวเชิงสุขภาพที่เรียกได้ว่าเป็น Unseen ของเมืองไทย ที่มีบริการทั้งด้านความงาม และด้านสุขภาพจากโคลนธรรมชาติ โดยที่นี่เป็นพื้นที่แหล่งโคลน 1 ใน 3 ของโลกที่อุดมไปด้วยแร่ธาตุ โคลน แถมยังได้รับการตรวจสอบจากสถาบันวิจัย THERMALIUM LUXEUIL LABORATORIE ในประเทศฝรั่งเศสแล้วว่ามีแร่ธาตุที่ดีต่อผิวหนัง และระบบไหลเวียนเลือด ซึ่งมีกิจกรรมให้เลือกทำอย่างมากมาย เช่น การแช่เท้า และแช่ตัวในบ่อน้ำร้อน พอกหน้าด้วยโคลนธรรมชาติ นวดแผนไทย และนวดน้ำมัน เป็นต้น 

· สปาโคลนร้อนบ้านโคกไคร พังงา 

สปาโคลนร้อนบ้านโคกไคร พังงา เป็นสถานที่ท่องเที่ยวเชิงสุขภาพที่ทางชุมชนได้จัดทริปท่องเที่ยวขึ้น โดยใช้ชื่อว่า สปาโคลนร้อน หาดทรายร้อน และน้ำเค็มร้อน ซึ่งโปรแกรมการท่องเที่ยวนั้นจะเริ่มตั้งแต่การนั่งเรือโทงชมธรรมชาติยามเช้า พร้อมด้วยการเดินย่ำบนผืนทราย แช่น้ำร้อน และไฮไลต์สำคัญ คือ การสปาโคลนร้อน ที่อยู่ลึกลงไปจากดินเลนประมาณ 1 เมตร โดยมีคุณสมบัติในการช่วยลดอาการปวดเมื่อย และบำบัดโรคเหน็บชา ซึ่งระหว่างที่ทำสปาก็จะมีการเสิร์ฟขนมพื้นบ้าน พร้อมเครื่องดื่ม จึงทำให้ได้รับทั้งความผ่อนคลาย พร้อมกับได้สนับสนุนชุมชนไปในเวลาเดียวกัน 

พิพิธภัณฑ์การแพทย์แผนไทยอภัยภูเบศร

· พิพิธภัณฑ์การแพทย์แผนไทยอภัยภูเบศร

อภัยภูเบศร เป็นชื่อที่หลายๆ คนคงคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี เพราะว่ามีทั้งผลิตภัณฑ์จากสมุนไพร อาหารเสริม และเครื่องสำอางออกมาจำหน่ายมากมาย และที่สำคัญ คือ ภายในเครือของอภัยภูเบศรยังมีพิพิธภัณฑ์การแพทย์แผนไทยอภัยภูเบศร ที่มีบริการสปาอย่างครบวงจรตั้งแต่การสปาหน้า สปาเท้า ขัดผิวด้วยสมุนไพร และแช่สมุนไพรขับสารพิษไว้คอยบริการ แถมยังมีสินค้าอย่างเครื่องสำอาง ครีมบำรุงผิว และเกลือขัดผิวให้ได้ซื้อกลับบ้านอีกด้วย

· ชีวาศรม อินเตอร์เนชั่นแนล เฮลท์ รีสอร์ท

ชีวาศรม อินเตอร์เนชั่นแนล เฮลท์ รีสอร์ท เป็นรีสอร์ตเพื่อสุขภาพที่คำนึงถึงสุขภาพของผู้เข้าพักมากที่สุด โดยจะใส่ใจดูสุขภาพในทุกๆ ด้าน ตั้งแต่ด้านโภชนาการ เช่น อาหารเพื่อสุขภาพที่ทำจากพืชผักปลูกเองแบบออร์แกนิก ซึ่งมีคุณค่าทางโภชนาการอย่างครบครัน และมีรสชาติอร่อย นอกจากนั้นภายในรีสอร์ตยังมีกิจกรรมการออกกำลังกาย กายภาพบำบัด สปา แพทย์ทางเลือก และความงามไว้คอยบริการอีกด้วย 

· The Sanctuary Thailand

สถานที่ท่องเที่ยวเชิงสุขภาพอีกหนึ่งแห่งที่น่าสนใจ คือ The Sanctuary Thailand ตั้งอยู่บนเกาะพงันที่เป็นพื้นที่ติดทะเล ทำให้ได้รับอากาศที่สดชื่น และมีความปลอดโปร่ง โดยกิจกรรมหลักของที่นี่ คือ การเล่นโยคะ ซึ่งมีให้เลือกด้วยกันหลายระดับ ตั้งแต่ระดับพื้นฐานไปจนถึงระดับยาก นอกจากนั้นยังมีกิจกรรมอื่นๆ ที่น่าสนใจอีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็นพิลาทิส การดีท็อกซ์ลำไส้ และการนวดบำบัด เป็นต้น ถือว่าเป็นอีกสถานที่ที่ช่วยให้ร่างกายได้ผ่อนคลายจากความเครียด แถมยังช่วยฝึกร่างกาย และจิตใจให้ดีขึ้นได้อีกด้วย 

· คามาลายา เกาะสมุย

คามาลายา เกาะสมุย เป็นสถานที่ท่องเที่ยวเชิงสุขภาพที่ใช้วิธีแก้ปัญหาสุขภาพแบบองค์รวม โดยเฉพาะผู้ที่มีปัญหาในเรื่องความวิตกกังวล และความเครียด ซึ่งที่นี่จะช่วยฟื้นฟูร่างกาย และจิตใจ ด้วยการดูแลสุขภาพ แถมยังมีการบำบัดให้เลือกหลากหลายรูปแบบ เช่น ธรรมชาติบำบัด แพทย์แผนจีน โยคะ การออกกำลังกาย นวดบำบัด การทำสมาธิ และที่ปรึกษาด้านการพัฒนาชีวิต เป็นต้น

น้ำพุร้อนสันกำแพง

· น้ำพุร้อนสันกำแพง

น้ำพุร้อนสันกันกำแพง ถือเป็นสถานที่ท่องเที่ยวเชิงสุขภาพที่มีชื่อเสียงในจังหวัดเชียงใหม่ และสามารถเที่ยวได้ตลอดทั้งปี โดยมีกิจกรรมให้เลือกทำอย่างมากมาย ไม่ว่าจะเป็นการต้มไข่ นวดแผนไทย แช่น้ำแร่ และน้ำพุร้อนที่มีให้บริการมากกว่า 20 บ่อ แถมยังมีสินค้าจากชุมชน เช่น กระเป๋า ผ้าทอจากชุมชนให้ได้เลือกซื้ออีกด้วย

· บ่อน้ำร้อนสวนสาธารณะรักษะวาริน

บ่อน้ำร้อนสวนสาธารณะรักษาวาริน เป็นบ่อน้ำพุร้อนที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ โดยมีอุณหภูมิประมาณ 65 องศาเซลเซียส ถือเป็นสถานที่ท่องเที่ยงเชิงสุขภาพที่นักท่องเที่ยวหลายคนจะต้องชื่นชอบกันอย่างแน่นอน เพราะเป็นแหล่งน้ำพุร้อนที่ได้รับรองจากกรมวิทยาศาสตร์บริการแล้วว่า ประกอบไปด้วยแร่ธาตุที่สำคัญ และไม่มีสารกำมะถันเจือปน ซึ่งมีประโยชน์ ในการบำบัดรักษาสุขภาพเป็นอย่างมาก

· วนอุทยานน้ำพุร้อนกันตัง

วนอุทยานน้ำพุร้อนกันตัง ตั้งอยู่ที่อำเภอกันตัง จังหวัดตรัง ซึ่งเป็นพื้นที่ที่อุดมไปด้วยบ่อน้ำร้อนจากธรรมชาติที่ผุดมาจากใต้ผิวดิน และในปัจจุบันได้จัดเป็นสถานที่ท่องเที่ยวเชิงสุขภาพที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวเป็นอย่างมาก โดยทำการพัฒนา และปรับปรุงบ่อน้ำร้อนจำนวน 3 บ่อ ไว้คอยบริการนักท่องเที่ยวที่ต้องการแช่เท้า แต่สำหรับใครที่ชอบความเป็นส่วนตัว ที่นี่ก็มีบริการห้องอาบน้ำ และห้องแช่น้ำร้อนเพื่อสุขภาพแบบส่วนตัวไว้คอยบริการอีกเช่นกัน นอกจากนั้นยังมีกิจกรรมเดินป่า และเส้นทางศึกษาธรรมชาติบริเวณพื้นที่พุน้ำร้อน และพื้นที่ป่าดงดิบอีก 3 เส้นทาง เพื่อให้ได้ศึกษาความหลากหลายทางชีวภาพอีกด้วย

 

การท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ เป็นการเที่ยวทางธรรมชาติ โดยสถานที่ท่องเที่ยวเชิงสุขภาพในประเทศไทยนั้นมีโปรแกรมการทำกิจกรรมส่งเสริมสุขภาพในรูปแบบต่างๆ ให้เลือกทำอย่างมากมาย เช่น การนวด การประคบสมุนไพร แช่น้ำแร่ น้ำพุร้อน รวมถึงการบำบัดด้วยกลิ่น บริหารร่างกาย และการเล่นโยคะ เป็นต้น  เพื่อพักผ่อนหย่อนใจ คลายเครียดจากความเหนื่อยล้า ปรับสมดุลของสุขภาพกายและใจ และช่วยให้สุขภาพแจ่มใสมากยิ่งขึ้น