fbpx

อาชาบำบัดคืออะไร ประโยชน์ และสถานที่แนะนำ อัปเดตปี 2023

อาชาบำบัด (Hippotherapy) อาจเป็นคำที่ไม่ค่อยคุ้นหูสำหรับคนไทยหลายๆ คน เพราะเพิ่งได้รับความนิยมในระยะหลังมานี้ แต่อาชาบำบัด หากย้อนไปพบว่ามีมาตั้งแต่ยุคกรีกโบราณ เป็นการบำบัดที่มีประสิทธิภาพ และถูกนำมาใช้บำบัดให้แก่ผู้ป่วยจนถึงปัจจุบัน การทำอาชาบำบัด คือ ธรรมชาติบำบัดอย่างหนึ่งที่มีวัตถุประสงค์เพื่อบำบัดรักษาผู้ป่วยที่มีปัญหาสุขภาพกาย และสุขภาพจิต เพื่อเพิ่มความมั่นใจ เพิ่มสมาธิ ลดความกลัว รวมทั้งยังนำมาใช้ในการรักษาเด็กพิเศษอีกด้วย

บทความนี้ มาชวนทุกคนไปรู้จักกับอาชาบำบัด ศาสตร์แห่งการบำบัดแบบธรรมชาติอันมีประโยชน์ และคุณค่านี้ ว่ามีลักษณะเป็นอย่างไร เหมาะกับใครบ้าง พร้อมแนะนำสถานที่สำหรับการทำอาชาบำบัด

อาชาบำบัด คืออะไร

อาชาบำบัด คืออะไร

อาชาบำบัด คือ การบำบัดธรรมชาติ โดยการนำม้ามาช่วยรักษาผู้ป่วยที่มีปัญหาด้านสมอง การพูด และความมั่นใจ ซึ่งมีวิธีการ คือ นักบำบัดจะนำการขี่ม้าเข้ามาใช้ เพื่อช่วยพัฒนาสมาธิ และการจดจ่อ กระตุ้นให้ผู้ป่วยได้ใช้งานระบบการตอบสนอง การรับรู้ สื่อประสาท และระบบการพัฒนาทางด้านสมอง เพื่อเสริมสร้างพัฒนาการให้ระบบสมองทำงานได้อย่างปกติ โดยการทำอาชาบำบัด เริ่มจากการที่ชาวกรีกโบราณได้นำเหล่าทหาร หรือผู้ที่ได้รับผลกระทบจากสงครามทั้งทางร่างกาย และจิตใจ มาขึ้นขี่ม้า และพบว่าอาการของพวกเขาดีขึ้นตามลำดับอย่างไม่น่าเชื่อ จึงได้มีการพัฒนาเป็นส่วนหนึ่งของการรักษาทางการแพทย์ในปัจจุบัน

แล้วทำไมถึงต้องเป็นม้า ไม่เป็นสัตว์ชนิดอื่น? คำตอบ คือ ม้าไม่ใช่สัตว์นักล่า แต่เป็นสัตว์ผู้ถูกล่า การแสดงออกด้านความรู้สึกของพวกมันจึงมีความชัดเจน ทำให้เข้าถึงง่ายกว่า โดยไอเดียนี้ได้รับการสนับสนุนจากโปรแกรมที่มีชื่อว่า Eagala Program ที่ได้ให้ผู้ป่วยมีปฏิสัมพันธ์กับม้า เพื่อเสริมสร้างความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขา และม้าบำบัดเหล่านั้น

นอกจากนี้ สาเหตุอันสำคัญที่ม้าเป็นเครื่องมือในการบำบัดรักษาอย่างดี คือ การขี่ม้าต้องอาศัยการทรงตัว และมีสมาธิจดจ่อ โดยปกติม้าส่วนใหญ่มีอัตราการเดินอยู่ที่ระหว่าง 100 ก้าวต่อนาที ซึ่งในการบำบัด 1 ครั้ง ใช้เวลา 15-25 นาที หมายความว่ามีการส่งสัญญาณไปยังเซลล์ระบบประสาทสั่งการราวๆ 1,500-2,500 ครั้งเลยทีเดียว ซึ่งการใช้อาชาบำบัดนั้น นักบำบัดอาจมีการนำเอาการรักษาแบบอื่นเข้ามาใช้ร่วมด้วย เพื่อให้การรักษาบรรลุเป้าหมายได้มากยิ่งขึ้น

อาชาบำบัดเหมาะกับใครบ้าง

อาชาบำบัดเหมาะกับใครบ้าง

อาชาบำบัด เหมาะอย่างยิ่งกับการบำบัดผู้ป่วยที่ต้องการรักษาอาการเจ็บป่วย หรือปรับปรุงสมรรถภาพทางร่างกายหลังการบาดเจ็บ รวมถึงผู้ที่มีภาวะพึ่งพาการเคลื่อนไหว เช่น ผู้ป่วยที่เคลื่อนไหวยาก ผู้ที่มีอาการที่เกี่ยวข้องกับข้อกระดูก ผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับการทรงตัว หรือผู้ที่มีภาวะพิการทางร่างกาย

อาชาบำบัดสามารถใช้ได้กับทุกคน แต่ต้องมีแพทย์ทำการตรวจวินิจฉัยอย่างละเอียด เพื่อประเมินสุขภาพก่อนการทำอาชาบำบัด และไม่ว่าคุณจะเป็นผู้ที่ต้องการเสริมสร้างสมรรถภาพทางกายหรือไม่ คุณก็เข้ารับการบำบัดด้วยการขี่ม้าได้ เพราะการออกกำลังกาย และการเคลื่อนไหวที่ถูกต้อง ช่วยให้ร่างกายแข็งแรง และมีสุขภาพดีได้ทั้งด้านร่างกายและจิตใจ ดังนั้น ไปดูกันดีกว่าว่าใครบ้างที่เหมาะกับการทำอาชาบำบัด

กลุ่มสมาธิสั้น

อาชาบำบัดในกลุ่มเด็กสมาธิสั้น (Attention Deficit/ Hyperactivity Disorder) เป็นการนำเอาศาสตร์การขี่ม้าเข้ามาช่วยดูแลเด็กที่มีปัญหาสมาธิสั้น (ADHD) เพราะม้าสามารถตอบสนองได้ดีทั้ง การสื่อสารแบบวัจนภาษา และอวัจนภาษา รวมทั้งจังหวะการก้าวเท้าของม้าก็ยังให้ความรู้สึกสงบ เมื่อขี่ม้าไปสักระยะ ผู้ขี่จะรู้สึกว่าทั้งตัวเขา และม้ามีการทำงานร่วมกัน และกลายเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันในที่สุด 

ในการบำบัดเด็กที่มีอาการสมาธิสั้น จะไม่บำบัดเพียงแค่การขี่ม้าเท่านั้น แต่จะให้เด็กได้สร้างปฏิสัมพันธ์กับม้าบำบัด ดูแล ให้อาหาร และแปรงขน เพื่อพัฒนาความสามารถของสมองด้านการบริหารจัดการ (Executive Functions) ควบคู่ไปด้วย

เด็กสมาธิสั้นที่มีการทานยาเพื่อรักษาอาการ ควรทานยาในระหว่างการบำบัด และไม่ควรหยุดยาเด็ดขาด เพราะเสี่ยงให้เกิดอุบัติเหตุได้ การรักษาเป็นการขี่ม้าบำบัดควบคู่ไปกับแผนการรักษาของแพทย์ นักกิจกรรมบำบัด และนักจิตวิทยา รวมถึงการพิจารณาปัจจัยแวดล้อมอื่นๆ เช่น อาการของเด็ก ความเสี่ยงในการทำกิจกรรม และของเล่นที่นำมาใช้ เพื่อให้มั่นใจว่ากระบวนการบำบัดปลอดภัย

กลุ่มบกพร่องทางการเรียนรู้

เด็กกลุ่มบกพร่องทางสติปัญญา (Intellectual Disability) คือ เด็กที่มีแนวโน้มมีอาการซึมเศร้าสูง รวมถึงมีอาการก้าวร้าว เดินช้า ถึงแม้ว่าร่างกายมีการพัฒนาปกติ แต่ความแข็งแรงของร่างกาย การทรงตัว และความคล่องตัวของร่างกายค่อนข้างต่ำ รวมถึงความแข็งแรงของกล้ามเนื้อร่างกาย หัวใจ การปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงสถานที่ การรับรู้ทิศทาง และตำแหน่งก็ต่ำเช่นกัน 

อาชาบำบัดในเด็กกลุ่มนี้ สามารถช่วยเสริมสร้างพัฒนาการได้ทุกด้าน กิจกรรมที่ควรเน้น เช่น กิจกรรมที่เสริมสร้างสติปัญญา ภาษา และสังคม และอย่างที่ทราบกันว่าเด็กที่มีการบกพร่องทางด้านการเรียนรู้มีกล้ามเนื้อ และการทรงตัวไม่ค่อยดีนัก การขี่ม้าจะช่วยเพิ่มความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ ลดอาการเกร็ง และทรงตัวได้ดีขึ้น 

กลุ่มออทิสติกส์

โรคออทิสติกส์เป็นโรคที่เกิดจากความผิดปกติทางสมองตั้งแต่กำเนิด ซึ่งส่งผลต่อการพัฒนาด้านการเข้าสังคม การสื่อสาร และด้านพฤติกรรม วิธีสังเกตว่าเด็กมีปัญหาดังกล่าวคือ ให้ดูว่ามีการตอบสนองต่อการถูกเรียกชื่อหรือไม่ ชอบเล่นคนเดียวหรือเปล่า พูดช้า พูดไม่รู้ความ พูดซ้ำ อยู่ไม่นิ่ง หรือปรับตัวยาก เป็นต้น  

อาชาบำบัดในกลุ่มเด็กออทิสติกส์ (Autism Spectrum Disorder) ช่วยให้เด็กพัฒนาการทรงตัว ความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ ความยืดหยุ่น การเคลื่อนไหว เพิ่มความมั่นใจ และมีสมาธิ ทั้งยังช่วยให้พัฒนาการทางด้านภาษา และการเข้าสังคมดีขึ้น เพราะนอกจากการขี่ม้าแล้ว เด็กๆ ยังได้ใช้เวลาร่วมกับม้าบำบัด ซึ่งกระตุ้นให้พวกเขาทำกิจกรรมที่ช่วยเสริมสร้างทักษะต่างๆ ได้มากขึ้น

ข้อควรระวังก่อนการทำอาชาบำบัดในกลุ่มอทิสติกส์ คือ เด็กกลุ่มนี้ไม่ชอบการเปลี่ยนแปลง จึงเกิดการกลัว และพยายามจะลงจากหลังม้า ดังนั้น จึงจะต้องเตรียมความพร้อมให้ดีก่อนการทำการบำบัด

กลุ่มดาวน์ซินโดรม

ดาวน์ซินโดรมเป็นภาวะทางพันธุกรรมที่ผู้ป่วยเกิดมามีจำนวนโครโมโซมที่ผิดปกติ คือ 47 โครโมโซม ทำให้พวกเขามีปัญหาในการเข้าสังคม หุนหันพลันแล่น สมาธิสั้น เรียนรู้ช้า การติดสินใจไม่ดี และกล้ามเนื้อหย่อน 

การใช้อาชาบำบัดในเด็กกลุ่มนี้ ช่วยให้ผู้ป่วยมีพัฒนาการที่ดีขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการเสริมสร้างกล้ามเนื้อ ความยืดหยุ่น การทรงตัว การเคลื่อนไหว การสื่อสาร การรับรู้ และการตัดสินใจ อีกทั้งการสัมผัสตัวม้ายังช่วยให้พวกเขาได้เรียนรู้ทักษะการสัมผัส เช่น ลักษณะขนของม้า ความร้อนจากตัวม้า เป็นต้น แต่ก่อนทำอาชาบำบัด ควรได้รับการปรึกษาจากแพทย์ หรือผู้เชียวชาญก่อน เพื่อประเมินว่าผู้ป่วยเหมาะกับการทำอาชาบำบัดหรือไม่ 

กลุ่มสมองพิการ

สมองพิการ (Cerebral Palsy) เกิดจากการบาดเจ็บทางสมองอย่างถาวรในสมองทารกที่ยังมีการเจริญเติบโตไม่เต็มที่ เกิดขึ้นได้ในระยะก่อนคลอด ระหว่างคลอด และหลังคลอด บางรายไม่พบสาเหตุที่ชัดเจนที่ทำให้เกิดสมองพิการ อาการของเด็กสมองพิการ คือ มีพัฒนาการช้า สติปัญญาบกพร่อง มีปัญหาเรื่องการมองเห็น และการได้ยิน ตัวอ่อน ทรงตัวไม่ได้ แขนขาหดเกร็ง เป็นต้น 

การใช้อาชาบำบัดในการรักษาเด็กที่มีภาวะสมองพิการ ช่วยให้เด็กมีพัฒนาการการเดิน การรักษาสมดุลที่ดีขึ้น กระตุ้นกระแสประสาทรับรู้ที่ช่วยจดจำรูปแบบการเดิน เพราะลักษณะการเดิน การทิ้งน้ำหนักของม้าคล้ายกับการเดินของคน และยังช่วยเพิ่มความแข็งแรงของกล้ามเนื้อได้อีกด้วย

ประโยชน์น่ารู้ของอาชาบำบัด

ประโยชน์น่ารู้ของอาชาบำบัด

อาชาบำบัดเป็นกิจกรรมที่ผ่อนคลาย ไม่น่าเบื่อ และมีประโยชน์ต่อทุกคน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเด็ก หรือกลุ่มผู้ป่วยที่มีปัญหาสุขภาพ หรือมีภาวะบกพร่องทางสมองอย่างที่กล่าวไปข้างต้น สำหรับคนทั่วไปที่มีความสนใจในอาชาบำบัด หรือชื่นชอบในการขี่ม้า การทำอาชาบำบัดไม่เพียงแต่ให้ความสนุก แต่ยังได้ประโยชน์ทางด้านสุขภาพ มาดูกันว่าประโยชน์น่ารู้ของอาชาบำบัดมีอะไรบ้าง 

ประโยชน์ทางด้านร่างกาย

ด้วยลักษณะการเดินที่เป็นจังหวะ การขี่ม้าจึงเป็นกิจกรรมที่ช่วยกระตุ้นการทำงานของประสาทรับรู้ กล้ามเนื้อ การทรงตัว ท่าทาง และการเคลื่อนไหวต่างๆ ให้มีการทำงานที่สอดคล้องกัน และแข็งแรงขึ้น ประโยชน์ของอาชาบำบัดจึงช่วยให้เด็กที่มีภาวะบกพร่องทางสมอง และพัฒนาการ มีการพัฒนาไปในแนวทางที่ดีขึ้น 

ในกลุ่มคนทั่วไปการขี่ม้าช่วยให้เกิดการควบคุมร่างกาย การทรงตัว ความยืดหยุ่น และสุขภาพดีขึ้น เพราะการขี่ม้าถือเป็นการออกกำลังกายอย่างหนึ่ง หากขี่ม้าอย่างสม่ำเสมออย่างน้อยครึ่งชั่วโมงต่อวัน สามครั้งต่อสัปดาห์ จะช่วยเผาผลาญแคลอรีได้เป็นอย่างดี 

ประโยชน์ทางด้านจิตใจและอารมณ์

การขี่ม้าบำบัดไม่เพียงเพื่อการออกกำลังกาย การฝึกการควบคุม และการสร้างกล้ามเนื้อเท่านั้น แต่การขี่ม้าแต่ละครั้ง ผู้ขี่และม้าต้องมีการทำความรู้จักกัน เสริมสร้างความสัมพันธ์ และทำกิจกรรมร่วมกัน ทำให้เกิดความใกล้ชิดสนิทสนมกันมากขึ้น ทำให้เกิดพัฒนาการด้านจิตใจ และอารมณ์ ทำให้มีสมาธิจดจ่อ เกิดความคิดสร้างสรรค์ รู้สึกสงบ และเสริมสร้างความฉลาดทางอารมณ์ ซึ่งมีประโยชน์ทั้งในกลุ่มคนปกติที่อยากให้ตนเองมีสมาธิมากขึ้น และกลุ่มที่มีปัญญาทางด้านพัฒนาการ

ประโยชน์ทางด้านสังคม

ประโยชน์ทางสังคมจากการขี่ม้าบำบัด คือ การได้ทำกิจกรรมร่วมกับม้าผ่านกิจกรรมต่างๆ การได้สัมผัส และมีปฏิสัมพันธ์กับม้าทำให้เด็กๆ ที่มีปัญหาบกพร่องทางด้านสมอง รู้จักปรับตัวเข้ากับกิจกรรม การเรียนรู้ใหม่ๆ และทำความรู้จักกับบุคคลรอบตัวมากยิ่งขึ้น สำหรับบุคคลปกติที่อยากเข้าสังคม และปรับตัวเข้ากับบุคคลอื่นได้ดีขึ้น ก็สามารถได้รับประโยชน์ทางด้านสังคมจากการขี่ม้าได้เช่นเดียวกัน

แนะนำสถานที่ขี่ม้า เพื่อการทำอาชาบำบัด

แนะนำสถานที่ขี่ม้า เพื่อการทำอาชาบำบัด

หลังจากที่ได้เห็นประโยชน์จากการทำอาชาบำบัดกันไปแล้ว หลายๆ คนเริ่มอยากทำอาชาบำบัดกันบ้างแล้วใช่ไหม? ในประเทศไทย มีสถานที่เฉพาะในการทำอาชาบำบัด สำหรับผู้ป่วย หรือเด็กกลุ่มผู้พิการทางสมองโดยเฉพาะ ซึ่งมีผู้เชี่ยวชาญ หรือแพทย์ให้คำปรึกษา และคอยดูแลอย่างใกล้ชิด แต่สำหรับคนทั่วไปที่อยากเพิ่มความมั่นใจ อยากบำบัดสุขภาพกาย สุขภาพจิตก็สามารถทำได้ แต่ต้องเลือกสถานที่ที่มีผู้เชี่ยวชาญพร้อมให้คำแนะนำ มาดูกันว่ามีสถานที่ขี่ม้าเพื่อทำอาชาบำบัดที่น่าสนใจ ที่ไหนกันบ้าง 

1. คลินิกอาชาบำบัด มหาวิทยาลัยมหิดล

คลินิกอาชาบำบัด คณะสัตวแพทย์ศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล เป็นคลินิกที่จัดทำขึ้นภายใต้ความร่วมมือของคณะสัตวแพทยศาสตร์ และสถาบันแห่งชาติเพื่อการพัฒนาเด็กและครอบครัว ทางคณะเป็นผู้ดูแลม้า จัดเตรียมอุปกรณ์ต่างๆ ในการทำอาชาบำบัด ซึ่งที่นี่มีผู้เชี่ยวชาญคอยดูแล ให้คำแนะนำ รับรองความปลอดภัย นอกจากนี้ อาชาบำบัดของทางมหาวิยาลัยมหิดล ยังผ่านการรับรองมาตรฐานจริยธรรมการวิจัยในมนุษย์ หรือ MU-IRB อีกด้วย

ที่อยู่ : 999 ถนน พุทธมณฑลสาย 4 ตำบล ศาลายา อำเภอพุทธมณฑล จังหวัดนครปฐม 73170

พิกัด : คณะกายภาพบำบัด มหาวิทยาลัยมหิดล

เวลาทำการ : วันจันทร์-เสาร์ เวลา 08.00-18.00 น.

2. โครงการอนุรักษ์ม้าพันธุ์พื้นบ้าน อุบลราชธานี

ชมรมอนุรักษ์ม้าพันธุ์พื้นบ้านสิรินธร จังหวัดอุบลราชธานี เป็นชมรมที่มีการเลี้ยงม้าแคระ หรือม้าแกลบกว่า 50 ตัว เพื่อเป็นอนุรักษ์ม้าเหล่านี้เอาไว้ นอกจากการเลี้ยงม้าเพื่ออนุรักษ์แล้ว ที่นี่ยังจัดให้มีการขี่ม้าท่องเที่ยว ขี่ม้าผจญภัย ฝึกขี่ม้า และอาชาบำบัดให้กับเด็กออทิสติกส์อีกด้วย 

ที่อยู่ : 111 บ้านหนองชาติ ตำบลคำเขื่อนแก้ว อำเภอสิรินธร จังหวัดอุบลราชธานี

พิกัด : ชมรมอนุรักษ์พันธุ์ม้าพื้นบ้าน

เวลาทำการ : เปิดตลอดเวลา

3. โครงการอาชาบำบัดเพื่อเด็กออทิสติก กองพันลาดตระเวน สัตหีบ

โครงการอาชาบำบัดชมรมภริยานาวิกโยธิน กองพันลาดตระเวน สัตหีบ จัดตั้งขึ้นเพื่อช่วยเหลือเด็กที่มีปัญหาทางด้านพัฒนาการที่ผิดปกติ มีอาการป่วยทางด้านร่างกาย และจิตใจ รวมถึงกลุ่มเด็กที่มีอาการบกพร่องทางสมอง และสติปัญญา ที่นี่มีพี่ๆ ทหารคอยให้การดูแล ช่วยเหลืออย่างใกล้ชิด

ที่อยู่ : 105 หมู่ 3 ตำบลสัตหีบ อำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี 20180

พิกัด : กองพันลาดตระเวน กองพลนาวิกโยธิน

เวลาทำการ : 09.00-12.00 และ 14.00-16.00 น.

4. โรงพยาบาลจิตเวช สระแก้ว

โรงพยาบาลจิตเวช สระแก้ว ร่วมกับ ศูนย์ฝึกม้าเพชรกระจ่าง เปิดให้มีการทำอาชาบำบัด ด้วยโรงพยาบาลจิตเวชสระแก้วราชนครินทร์เป็นโรงพยาบาลที่เชี่ยวชาญด้านการดูแลปัญหาสุขภาพจิต รวมทั้งได้ความร่วมมือกับศูนย์ฝึกม้า ดังนั้น ที่นี่จึงเป็นที่ทำอาชาบำบัดที่น่าสนใจ เพราะมีทีมผู้เชี่ยวชาญให้คำแนะนำในการบำบัดผู้ที่มีภาวะออทิสติก หรือสมาธิสั้นร่วมกับแพทย์แผนปัจจุบัน

ที่อยู่ : 176 หมู่ 3 ตำบลหนองน้ำใส อำเภอวัฒนานคร จังหวัดสระแก้ว 27160

พิกัด : โรงพยาบาลจิตเวชสระแก้วราชนครินทร์

เวลาทำการ : เปิดตลอดเวลา

5. โครงการอาชาบำบัด โรงพยาบาลค่ายพิชัยดาบหัก

โรงพยาบาลค่ายพิชัยดาบหัก มีโครงการอาชาบำบัดที่จัดตั้งขึ้นเพื่อช่วยเหลือเด็กที่มีความผิดปกติทางด้านสมอง และพัฒนาการ ความปลอดภัยที่นี่ยืนหนึ่ง เพราะในการขี่แต่ละครั้งจะมีอุปกรณ์เสริมความปลอดภัย มีผู้ปกครองของเด็ก พี่เลี้ยงอีก 2 คน และผู้ควบคุมการปฏิบัติ ซึ่งก่อนที่จะได้รับการบำบัด เด็กๆ จะต้องได้รับการประเมินก่อนว่าเหมาะสมหรือไม่ ในการทำอาชาบำบัด

ที่อยู่ : 102 หมู่ 8 ถนนสำราญรื่น ตำบลท่าเสา อำเภอเมืองอุตรดิตถ์ จังหวัดอุตรดิตถ์ 53000

พิกัด : โรงพยาบาลค่ายพิชัยดาบหัก

เวลาทำการ : วันพุธ และ วันอาทิตย์ 09.00 น. เป็นต้นไป

6. Phoenix Riding Academy By KP บางนา

Phoenix Riding Academy By KP บางนา โรงเรียนสอนขี่ม้าในร่มคุณภาพ พร้อมครูผู้สอนที่มีประสบการณ์ รับสอนทั้งเด็กที่มีประสบการณ์ และไม่มีประสบการณ์ ไม่ว่าจะฝึกขี่ม้าเพื่อการออกกำกาย ฝึกสมาธิ หรือฝึกขี่ม้าเพื่อเป็นทีมชาติ ที่นี่ก็รับสอน 

 

  • ที่อยู่ : 84 หมู่ 7 ตำบลบางพลีใหญ่ อำเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ 10540
  • พิกัด : ฟีนิกส์ ไรด์ดิง อแคเดมี
  • เวลาทำการ : เปิดทุกวัน เวลา 08.00-12.00 น. และ 14.00-18.00 น.

7. ชมรมขี่ม้าทหารม้ารักษาพระองค์ สนามเป้า

ชมรมขี่ม้าทหารม้ารักษาพระองค์ สนามเป้า ตั้งอยู่ที่ กองพันทหารม้าที่ 1 รักษาพระองค์ฯ สนามเป้า อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ กรุงเทพมหานคร เดินทางสะดวกง่ายดาย มีพี่ๆ ทหารคอยกำกับดูแล ไม่ต้องกังวลเรื่องความปลอดภัย สอนกันตั้งแต่พื้นฐาน ให้ผู้เรียนสามารถประคองตัวได้บนม้า ไปจนถึงสามารถขี่ม้าได้อย่างเหมาะสม

  • ที่อยู่ : แขวงสามเสนใน เขตพญาไท จังหวัดกรุงเทพมหานคร 10400
  • พิกัด : ชมรมขี่ม้าทหารม้ารักษาพระองค์
  • เวลาทำการ : เปิดทุกวัน (หยุดวันพุธ) เวลา 17.00-18.00 น. และวันเสาร์-อาทิตย์ ช่วงเช้า เวลา 7.00-08.00 น. และช่วงเย็น เวลา 17.00-18.00 น.

8. Rodeo Horse Riding สายไหม

Rodeo Horse Riding สายไหม เป็นสถานที่สอนขี่ม้าที่เหมาะกับผู้เรียนทุกเพศทุกวัย เริ่มสอนกันแต่แต่ 2.5 ขวบ เลยทีเดียว พร้อมมีครูสอนที่มีประสบการณ์ มีอุปกรณ์ครบครัน ได้ทั้งความสุนุก และฝึกสมาธิไปในตัว 

  • ที่อยู่ : 42/36 ถนนจตุโชติ แขวงออเงิน เขตสายไหม จังหวัดกรุงเทพมหานคร 10220
  • พิกัด : Rodeo Horse Riding โรดิโอ ฮอร์ส ไรด์ดิ้ง
  • เวลาทำการ : วันจันทร์-อังคาร เวลา 08.00–11.00 น. และ 15.00–18.00 น.

9. แรนโช ชาญวีร์ รีสอร์ท แอนด์ คันทรีคลับ

ถ้าอยากหาที่เรียนขี่ม้าที่มีผู้สอนมากประสบการณ์คอยดูแล พร้อมสัมผัสกับบรรยากาศสวยๆ ของภูเขาใหญ่ และป่าไม้ ต้องไม่พลาดมาใช้บริการฝึกขี่ม้าที่ แรนโช ชาญวีร์ รีสอร์ท เขาใหญ่ ไม่ว่าคุณจะมีประสบการณ์ในการขี่ม้าหรือไม่ก็ตาม สอนกันแบบตัวต่อตัวโดยผู้เชี่ยวชาญ อุปกรณ์การเรียนครบครัน สะอาดถูกสุขลักษณะ ปลอดภัย พนักงานดูแลอย่างใกล้ชิด ให้ประสบการณ์ขี่ม้าอันแสนพิเศษของคุณยากที่จะลืมเลือน

  • ที่อยู่ : 333/4 หมู่ 12 ตำบลขนงพระ อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา 30450
  • พิกัด : Rancho Charnvee Resort and Country Club
  • เวลาทำการ : เปิดตลอดเวลา

สรุป

อาชาบำบัด คือ ศาสตร์การบำบัดที่มีจุดเริ่มต้นมาตั้งแต่สมัยกรีกโบราณ มีประโยชน์ในการช่วยบำบัดผู้ที่อาการผิดปกติทางด้านสมอง พัฒนาการ สุขภาพกาย และสุขภาพจิตได้เป็นอย่างดี ทั้งยังช่วยยกระดับจิตใจ ได้ทั้งความสนุก สังคม และสุขภาพ แนะนำให้ทุกคนได้ลองไปสัมผัสการทำอาชาบำบัด และการฝึกขี่ม้ากับสถานที่ที่ได้แนะนำ เพื่อให้ทุกคนได้บำบัดสุขภาพกาย และสุขภาพจิตไปด้วยกัน