fbpx

13 ที่เที่ยวอิตาลี เมืองแห่งศิลปะ ประวัติศาสตร์ และธรรมชาติที่มีเสน่ห์

อิตาลี คือ หนึ่งในประเทศยุโรปยอดนิยม เป็นสถานที่ท่องเที่ยวในฝันของนักเดินทางหลายๆ คน เพราะถือเป็นศูนย์กลางที่สำคัญทางศิลปะและประวัติศาสตร์ ดังนั้นที่เที่ยวอิตาลีจึงเต็มไปด้วยศิลปะและสถาปัตยกรรมที่งดงาม นอกจากนี้อิตาลี ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่เปี่ยมไปด้วยมนต์เสน่ห์ มีทั้งทะเลและภูเขาครบครัน สายท่องเที่ยวต้องไม่พลาด 

บทความนี้ได้รวบรวมเอา 13 สถานที่ท่องเที่ยวอิตาลีที่ไม่ควรพลาด จะมีที่ไหนบ้างนั้น มาติดตามกันไปพร้อมๆ กันได้เลย

ทำความรู้จักประเทศอิตาลี ศูนย์กลางแห่งศิลปะของโลก

ทำความรู้จักประเทศอิตาลี ศูนย์กลางแห่งศิลปะของโลก

อิตาลี ประเทศที่มีสมญานามมากมายไม่ว่าจะเป็น ศูนย์กลางแห่งศิลปะ เมืองแฟชั่น เมืองมักกะโรนี หรือเมืองพิซซ่า นั้นถือเป็นประเทศที่มีรากฐานทางประวัติศาสตร์มายาวนาน โดยดั้งเดิมของคนอิตาลีนั้นคือ ชาวละตินผู้ที่สถาปนาอาณาจักรโรมันซึ่งเคยมีความยิ่งใหญ่เป็นอย่างมากในอดีต เพราะผู้ริเริ่มคิดค้นระบบการปกครอง ระบบกฎหมาย องค์ความรู้ เทคโนโลยี และศิลปะต่างๆ จึงทำให้ที่เที่ยวอิตาลีนั้นเต็มไปด้วยกลิ่นอายภาพความหลัง แห่งการผ่านพ้นยุคสมัยต่างๆ ทางประวัติศาสตร์ได้เป็นอย่างดี 

ประเทศอิตาลีมีความหลากหลายมาก ทำให้ภาษาที่ใช้เองก็หลากหลายไม่แพ้กันไม่ว่าจะเป็น อิตาเลียน ซิซิลี ซาร์ดีเนีย โรมาเนีย อาหรับ รวมไปถึงภาษาอังกฤษ ทำให้ใครที่จะมาเที่ยวอิตาลี ไม่ต้องกังวลเรื่องภาษามากนัก

ในปัจจุบัน ประเทศอิตาลีจะใช้สกุลเงินยูโร เป็นสกุลเงินหลัก เนื่องจากประเทศอิตาลีถือเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มสหภาพยุโรป (EU) ซึ่งค่าเงินยูโรโดยทั่วไปนั้นจะอยู่ที่ 38 บาท ในปัจจุบัน และควรจะเตรียมเงินอย่างน้อย 70,000 บาท สำหรับการท่องเที่ยวอิตาลีได้อย่างอุ่นใจ 

ประเทศอิตาลีนั้น ตั้งอยู่บนคาบสมุทรอิตาลี ที่อยู่ทางตอนใต้ของทวีปยุโรป ซึ่งมีพื้นที่บางส่วนติดกับทะเลเมดิเตอร์เรเนียน และยังอยู่ติดกับเทือกเขาแอลป์ทางตอนเหนือ มีภูเขามอนเตบีอังโกที่สูงที่สุดในฝั่งยุโรป ดังนั้นจึงเป็นประเทศที่มีภูมิอากาศทั้งแบบร้อนชื้น และแบบอบอุ่นตลอดทั้งปี ทำให้ประเทศอิตาลีกลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยว ที่คุณสามารถมาเยี่ยมเยือนได้ตลอดทั้งปี และที่เที่ยวอิตาลีก็ยังมีความหลากหลาย ครอบคลุมทุกด้าน ไม่ว่าจะทั้งทางประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม หรือธรรมชาติ ดังนั้นไม่ว่าคุณจะเป็นสายศิลปิน หรือสายรักสนุก ผจญภัย ก็สามารถเที่ยวอิตาลีได้อย่างมีความสุข

เที่ยวประเทศอิตาลี ไปช่วงไหนดี

เที่ยวประเทศอิตาลี ไปช่วงไหนดี

ประเทศอิตาลีมีสภาพอากาศที่ค่อนข้างจากหลากหลาย เนื่องจากมีภูมิประเทศที่ติดทั้งทะเลและเทือกเขา โดยมีทั้งภูมิอากาศแบบอบอุ่นและร้อนชื้น อิตาลีนั้นก็ยังมีทั้งหมด 4 ฤดูกาล ซึ่งแต่ละฤดูกาลก็มีที่เที่ยวอิตาลีที่น่าสนใจ ทำให้เป็นประเทศที่ไม่ว่าคุณจะมาตอนไหนก็สามารถเที่ยวได้ 

  • ฤดูหนาว คือช่วงระยะเวลาตั้งแต่ 21 ธันวาคม ไปจนถึง 20 มีนาคมของทุกปี ซึ่งมีอุณหภูมิต่ำสุดอยู่ที่ 10 องศา มีเทศกาลสำคัญอย่าง เทศกาลคาร์นิวัล ซึ่งจะจัดขึ้นที่เมืองเวนิส เป็นเทศกาลที่ผู้คนจะแต่งกายด้วยชุดโบราณ สวมใส่หน้ากากแฟนซีที่ถือเป็นสินค้าไฮไลต์ของเมือง ทั้งนี้เทศกาลดังกล่าวจะจัดไม่ตรงกันในแต่ละปี จึงควรเช็กวันที่จัดในแต่ละปี เพื่อจะได้กำหนดแผนการเดินทางล่วงหน้าที่แน่นอน 
  • ฤดูใบไม้ผลิ จะอยู่ในช่วงระยะเวลาตั้งแต่ 21 มีนาคม ไปจนถึง 20 มิถุนายน ของทุกๆ ปี โดยจะมีอุณหภูมิเฉลี่ยที่ 15 – 20 องศาเซลเซียส ซึ่งถือว่าเป็นสภาพอากาศที่กำลังพอดี ไม่ร้อนหรือหนาวจนเกินไป หากใครที่ต้องการเก็บภาพความประทับใจจากการเที่ยวอิตาลี ก็ไม่ควรพลาดสถานที่เที่ยวอิตาลีที่เป็นแนวธรรมชาติ ไม่ว่าจะเป็นดอกไม้ที่บานสะพรั่งงดงาม หรือท้องทะเลที่เป็นสีฟ้าใส
  • ฤดูร้อน จะเป็นช่วงระยะเวลาตั้งแต่ 21 มิถุนายน ไปจนถึง 20 กันยายน จะมีสภาพอากาศที่ร้อนที่สุด อุณหภูมิเฉลี่ย 28 – 30 องศาเซลเซียส โดยเดือนกรกฎาคม จะเป็นเดือนที่ร้อนที่สุด ซึ่งอุณหภูมิสูงถึง 35 องศาเซลเซียสกันเลยทีเดียว ในช่วงฤดูร้อน จะเป็นช่วงที่มีแสงแดดจัด ท้องฟ้าสดใสเป็นอย่างมาก ดังนั้นที่เที่ยวอิตาลีตามแนวชายหาดจึงได้รับความนิยมสูงสุด ถือได้ว่าเป็นช่วง High Season ของฝั่งชายหาดกันเลยทีเดียว 
  • ฤดูใบไม้ร่วง ตั้งแต่ 21 ก.ย. – 20 ธ.ค. อุณหภูมิเฉลี่ยอยู่ที่ 15-20 องศา เป็นช่วงที่ให้บรรยากาศโรแมนติกที่สุดของปี เนื่องจากใบไม้ตามทางเดินเริ่มเปลี่ยนสีเป็นสีเหลือง อีกทั้งยังเป็นหน้าที่พืช ผัก และ ผลไม้อุดมสมบูรณ์มากที่สุดในอิตาลีอีกด้วย อธิบาย อยู่ในช่วงเดือนไหน มาเที่ยวช่วงนี้ดีอย่างไร มีจุดเด่นอะไร มีอะไรน่าเที่ยว

เตรียมตัวไปเที่ยวอิตาลี ต้องมีวีซ่าไหม

สิ่งสำคัญที่คุณจะต้องเตรียมตัวให้พร้อม ก่อนที่จะไปเที่ยวอิตาลีก็คือ การขอวีซ่าอิตาลี เพื่อจะได้เข้าประเทศอย่างถูกต้องตามกฎหมาย โดยประเภทวีซ่าที่คุณจะต้องทำการขอสำหรับการเที่ยวอิตาลี ก็คือวีซ่าประเภทท่องเที่ยว (C ) นั่นเอง ซึ่งวีซ่าประเภทนี้จะให้คุณสามารถพำนักอาศัยอยู่ในประเทศอิตาลีได้ในสูงสุด 90 วัน ในช่วงระยะเวลา 6 เดือน ความพิเศษของวีซ่าอิตาลีนั้นยังอยู่ที่คุณสามารถยื่นขออนุญาตเข้าประเทศอื่นๆ ในทวีปยุโรปที่อยู่ในกลุ่มเชงเก้นได้อีกด้วย ดังนั้นจึงมีความสะดวกสำหรับคนที่ต้องการเที่ยวทั้งอิตาลีและทวีปยุโรป 

รวม 13 สถานที่ท่องเที่ยวยอดฮิตประเทศอิตาลี 

หลังจากที่เราได้นำเสนอข้อมูลที่จำเป็นเกี่ยวกับการท่องเที่ยวอิตาลี ไม่ว่าจะเป็นข้อมูลเบื้องต้นเกี่ยวกับประเทศอิตาลี และการขอวีซ่าเพื่อที่จะเที่ยวอิตาลีแล้ว ก็มาถึงข้อมูลส่วนสำคัญอย่างที่เที่ยวอิตาลี เนื่องจากประเทศอิตาลีนั้นประกอบไปด้วยหลายเมือง จากหลายแคว้น อีกทั้งยังเป็นประเทศที่มีทั้งประวัติศาสตร์มายาวนาน มีภูมิประเทศที่หลากหลาย ทำให้มีที่เที่ยวอิตาลีมากมาย ถ้าต้องเที่ยวอิตาลีให้ครบทุกที่ภายในระยะเวลาอันจำกัด ก็คงจะเป็นเรื่องที่ทำได้ยากสำหรับหลายๆ คน ดังนั้นวันนี้บทความนี้จึงจะช่วยให้คุณตัดสินใจได้ง่ายขึ้น ด้วย 13 สถานที่เที่ยวอิตาลี ยอดนิยม ที่พลาดไม่ได้!

มหาวิหารแพนธีออน - Pantheon

1. มหาวิหารแพนธีออน – Pantheon

มหาวิหารแห่งนี้ ถือเป็นวิหารที่มีความเก่าแก่ที่สุดในกรุงโรม สร้างขึ้นในช่วง 20 ปี ก่อนคริสต์ศักราช โดยแม่ทัพ  Marcus Agrippa ดังนั้นวิหารแห่งนี้จึงมีอายุเก่าแก่ถึง 2,000 ปีกันเลยทีเดียว จุดเด่นของวิหารแห่งนี้คือ มีรูปทรงจัตุรัส ด้านในนั้นจะเป็นที่ประดิษฐานของเทพเจ้าแห่งกรีก-โรมัน หลายองค์ เพราะจุดประสงค์ในการสร้างมหาวิหารแห่งนี้คือ เพื่อเป็นเทวสถานบูชาเทพเจ้าทั้ง 7 แห่งดาวในระบบสุริยะ ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องที่แปลกใหม่มากๆ ในสมัยอดีต เนื่องจากเป็นการสร้างบูชาเทพเจ้าหลายองค์ 

สถาปัตยกรรมของมหาวิหารแห่งนี้ยังมีความโดดเด่นที่ โดมขนาดใหญ่ด้านใน มีลักษณะเป็นช่องวงกลม (Oculus) หรือที่เรียกกันว่า ช่องตา โดยตั้งอยู่ตรงกลาง เป็นจุดที่แสงจะสาดส่องเข้ามาในวิหาร ดูคล้ายกับดวงตาสวรรค์ที่เชื่อมโยงมนุษย์กับเทพเจ้าเข้าด้วยกัน  ดังนั้นถ้าจะมาเที่ยวที่มหาวิหารแห่งนี้ ก็ควรจะมาช่วงเวลากลางวันเพื่อที่คุณจะได้สัมผัสกับความมหัศจรรย์ของสถาปัตยกรรมภายในได้อย่างเต็มที่

  • ที่อยู่ : Piazza della Rotonda, 00186 Roma RM, Italy 
  • เวลาเปิด-ปิด : 9 AM–6:30 PM

2.  น้ำพุเทรวี – Fontana di Trevi

น้ำพุแห่งนี้ คือหนึ่งในน้ำพุที่มีชื่อเสียงที่สุดในทวีปยุโรป และยังเป็นน้ำพุแบบบาโรกที่ใหญ่ที่สุดในกรุงโรม ก่อสร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1732 น้ำพุแห่งนี้จะมีความโดดเด่นตรงที่มีการตั้งประติมากรรมโอเชียนัส ซึ่งเป็นเทพเจ้าเนปจูน เทพแห่งน้ำ เอาไว้บริเวณกลางน้ำพุ เพื่อแสดงถึงความอุดมสมบูรณ์ โดยด้านข้างจะมีไททัน เทพแบบครึ่งคนครึ่งปลา ที่แสดงลักษณะท่าทางแตกต่างกัน 

กิจกรรมยอดนิยมที่ไม่ควรพลาด เมื่อมาที่น้ำพุแห่งนี้ ก็คือการโยนเหรียญอธิษฐาน ซึ่งสามารถใช้เหรียญอะไรก็ได้ แล้วอธิษฐานว่าขอให้ได้กลับมาที่กรุงโรมอีกครั้ง ก่อนที่จะหันหลังเพื่อโยนเหรียญข้ามไหล่ซ้าย เข้าไปยังบริเวณน้ำพุ ถ้าหากเหรียญหล่นไปใต้น้ำพุ แสดงว่าคุณจะมีโอกาสได้กลับมาที่กรุงโรมอีกครั้ง กลายเป็นความเชื่อและธรรมเนียมปฏิบัติที่นักท่องเที่ยวอิตาลี จะต้องทำกัน โดยเหรียญจำนวนมหาศาลที่นักท่องเที่ยวที่มาเยือนอิตาลีโยนเข้ามานั้น จะถูกนำไปบริจาคช่วยบำรุงดูแลซุปเปอร์มาร์เก็ตสำหรับผู้ยากไร้ในกรุงโรม 

  • ที่อยู่ :  Piazza di Trevi, 00187 Roma RM, Italy 
  • เวลาเปิด-ปิด : 24 ชั่วโมง

โคลอสเซียม - Colosseum

3. โคลอสเซียม – Colosseum

ที่เที่ยวอิตาลีแห่งนี้ ถือเป็นหนึ่งใน 7 สิ่งมหัศจรรย์แห่งโลกยุคใหม่ โดยมีลักษณะเป็นสนามกีฬาโบราณขนาดใหญ่ ถูกสร้างขึ้นในช่วงจักรวรรดิโรมัน โดยจักรพรรดิเวสเปเชี่ยน มีลักษณะเด่นอยู่ที่อัฒจันทร์รูปวงกลม ที่สามารถจุคนได้มากถึง 50,000 คน จนได้ชื่อว่าเป็นสิ่งก่อสร้างขนาดใหญ่ที่สุดที่เคยมีการสร้าขึ้นในสมัยโรมัน แม้ว่าจุดประสงค์ในการใช้งาน เมื่อสมัยอดีต จะมีไว้เพื่อประลองฝีมือของเหล่ากลาดิเอเตอร์ รวมไปถึงการประลองของนักโทษประหารชีวิตหรือคุมขัง กับสัตว์ป่าที่มีนิสัยดุร้ายต่างๆ แต่ในปัจจุบันได้กลายเป็นสัญลักษณ์ต่อต้านการประหารชีวิต ซึ่งจะมีการส่องไฟสีเหลืองถ้าหากมีการยกเลิกโทษประหารชีวิตจากประเทศต่างๆ ในโลก 

การจะเข้าไปเที่ยวชมในโคลอสเซียม จะต้องซื้อตั๋วเข้าไปด้านใน หากใครที่มาเที่ยวอิตาลีด้วยตัวเอง ไม่ได้อาศัยไกด์นำเที่ยวก็ไม่ต้องกังวล เพราะที่นี่ก็ยังมีบริการให้เช่าอุปกรณ์บรรยายเสียงเกี่ยวกับรายละเอียดต่างๆ ด้านในโคลอสเซียม และถ้าหากคุณเข้าไปเยี่ยมชมด้านในก็อย่าพลาดชม Hypogeum ซึ่งเป็นชั้นใต้ดินเอาไว้เก็บตัวนักประลองในสมัยโบราณ 

  • ที่อยู่ : Piazza del Colosseo, 1, 00184 Roma RM, Italy
  • เวลาเปิด-ปิด : 09.00 AM – 04.30 PM

4. มหาวิหารเซ็นต์ปีเตอร์ – St. Peter’s Basilica

มหาวิหารเซ็นต์ปีเตอร์ หรือชื่อเต็มว่า มหาวิหาร เซ็นต์ ปีเตอร์ส บาซิลิกา ถือเป็นหนึ่งใน 4 ของมหาวิหารเอก ตั้งอยู่ในเขตรัฐวาติกัน และเป็นสิ่งก่อสร้างที่ใหญ่ที่สุดในรัฐวาติกัน อีกทั้งยังเป็นหนึ่งในสถานที่ที่ศักดิ์สิทธิ์ที่สุดของคริสตจักรโรมันคาทอลิก สร้างขึ้นในสมัยคริสต์ศตวรรษที่ 4 ในรูปแบบบาซิลิกา 

มหาวิหารแห่งนี้ยังมีอีกชื่อว่า มหาวิหาร นักบุญเปโตร เนื่องจากเชื่อว่า เป็นที่ฝังร่างของนักบุญเปโตร ผู้ซึ่งเป็นบิชอปองค์แรก ของคริสตจักร และต่อมาได้รับการสถาปนาขึ้นเป็นพระสันตะปาปา องค์แรกของกรุงโรม ทำให้ต่อมาวิหารแห่งนี้ยังเป็นที่ฝังร่างของพระสันตะปาปาองค์ถัดๆ มา โดยฝังมากกว่า 91 องค์ นักท่องเที่ยวจึงมักจะนิยมแวะมาสักการะนักบุญเปโตร และยังเยี่ยมชมในบริเวณ จัตุรัสเซ็นต์ปีเตอร์ ซึ่งเป็นลานวงกลมขนาดใหญ่ ล้อมรอบด้วยเสาหินใหญ่หลายสิบต้น หากคุณต้องการไปเยี่ยมชมในวิหาร จะต้องแต่งกายให้สุภาพ เนื่องจากเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์

  • ที่อยู่ : Piazza San Pietro, 00120 Città del Vaticano, Vatican City
  • เวลาเปิด-ปิด :

5. คลองใหญ่แห่งเวนิส – Canal Grande

เมืองเวนิสมีที่เที่ยวอิตาลีชื่อดังระดับโลกอย่าง คลองใหญ่แห่งเวนิส ซึ่งคลองสายนี้มีความยาวถึง 3,800 เมตร และกว้าง 30-90 เมตร ไหลผ่านรอบๆ เมือง ซึ่งจะเต็มไปด้วยอาคารบ้านเรือนที่มีสถาปัตยกรรมหลากหลาย ความโดดเด่นดังกล่าว ยังทำให้ยูเนสโกยกย่องให้เป็นมรดกโลก และได้รับการขนานนามว่าเป็น Queen of the Adriatic หรือ ราชินีแห่งทะเลอาเดรียติก 

กิจกรรมยอดฮิตที่จะต้องทำ ถ้าหากมาถึงคลองใหญ่แห่งเวนิส ก็คือการล่องเรือกอนโดลา ซึ่งเป็นเรือยาวลักษณะโค้ง ที่กลายเป็นสัญลักษณ์สำคัญแห่งเมืองเวนิส ในระหว่างที่ล่องเรือ คุณก็จะได้ยินเสียงเพลงที่ทางคนพายเรือจะร้องให้ฟัง ทำให้การล่องเรือเพื่อชมบรรยากาศรอบเมืองนั้น กลายเป็นกิจกรรมในฝันของนักท่องเที่ยวที่จะมากันเป็นคู่รัก เนื่องจากบรรยากาศดังกล่าวมีความโรแมนติกเป็นอย่างมาก แนะนำว่าถ้ายิ่งมาในช่วงเวลากลางคืน ก็จะยิ่งได้ความโรแมนติกจากแสงไฟประดับประดาในยามค่ำคืนเพิ่มขึ้นไปด้วย

  • ที่อยู่ : Venice, Metropolitan City of Venice, Italy
  • เวลาเปิด-ปิด :

มหาวิหารฟลอเรนซ์ - Cathedral of Santa Maria del Fiore

6. มหาวิหารฟลอเรนซ์ – Cathedral of Santa Maria del Fiore

ที่เที่ยวอิตาลีอีกหนึ่งแห่งที่เป็นมหาวิหาร โดยมหาวิหารแห่งนี้ มีอายุเก่าแก่มากกว่า 800 ปี ได้รับการยกย่องให้เป็นมหาวิหารที่มีความสวยงามที่สุดแห่งหนึ่งในอิตาลี อีกทั้งยังมีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 2 ของอิตาลี และ อันดับที่ 4 ของทวีปยุโรป มีความยาวถึง 153 เมตร และฐานของโดมที่กว้างกว่า 90 เมตร มหาวิหารดังกล่าวถูกสร้างขึ้นในช่วงปลายศตวรรษที่ 13 และออกแบบโดยฟิลิปโป บรูเนลเลสกี สถาปนิกชื่อดัง มหาวิหารแห่งนี้จะมีไฮไลท์อยู่ที่โดมสีส้มขนาดใหญ่ ตัดกับโครงสร้างอาคารที่เป็นหินอ่อนสีขาว และยังมีการตกแต่งเพิ่มด้วยหินสีเขียวและสีชมพูที่ถูกแกะสลัก ตามรูปแบบของสถาปัตยกรรมสไตล์ Neo Gothic 

ด้านในของมหาวิหารยังมีหน้าต่างที่เป็นกระจกหลายสี อีกทั้งยังมีภาพเขียนผนังที่ชื่อว่า Fresco และห้องใต้ดินอย่าง The Crypt นอกจากนี้โดมของมหาวิหารดังกล่าวยังมีขนาดสูงที่สุดเมื่อ 500 กว่าปีที่แล้ว โดยที่ไม่มีการสร้างคานหรือเสาค้ำ การจะขึ้นไปบนโดมดังกล่าว มหาวิหารแห่งนี้จัดว่าเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ของเมืองฟลอเรนซ์ จะต้องเดินขึ้นบันได 463 ขั้น ไม่สามารถอาศัยลิฟต์ได้ สถานที่แห่งนี้ยังจัดเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ของเมืองฟลอเรนซ์ ดังนั้นหากคุณต้องการเยี่ยมชม จะต้องแต่งกายให้สุภาพเหมาะสม 

  • ที่อยู่ : Piazza del Duomo, Firenze FI, Italy
  • เวลาเปิด-ปิด :

7. มหาวิหารปิซ่า – Duomo di Pisa

มหาวิหารปิซ่า ถือเป็นที่เที่ยวอิตาลีที่คุณต้องไม่พลาดถ้าหากมาเยือนอิตาลีเป็นครั้งแรก เพราะที่เที่ยวแห่งนี้ ถือได้ว่าเป็นสัญลักษณ์ของประเทศอิตาลีกันเลยทีเดียว โดยการมาเที่ยวมหาวิหารปิซ่า จะทำให้คุณได้เยี่ยมชมทั้งมหาวิหารปิซ่า ซึ่งเป็นสถาปัตยกรรมแบบ Romanesque แท้ๆ ซึ่งได้ชื่อว่ามีความสวยงามอลังการ และหอเอนเมืองปิซ่า หนึ่งในสิ่งมหัศจรรย์ของโลกที่หลายคนรู้จัก มหาวิหารปิซ่านั้นได้ถูกสร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1093 ภายใต้การออกแบของ Buscheto

หอเอนเมืองปิซ่า ถูกสร้างขึ้นด้วยหินอ่อนสีขาว ความน่าสนใจของหอเอนดังกล่าวคือ มีการหยุดสร้างเมื่อสร้างไปได้ 3 ชั้น เนื่องจากเกิดการเอนตัว จากการยุบตัวของดินที่มีความนิ่ม จึงทำให้มีการสร้างให้หนักไปอีกข้างเพื่อให้มีความสมดุล แต่ต้องหยุดชะงักเพราะสงคราม และเมื่อมีการสร้างต่อไปเรื่อยๆ ก็พบว่าตึกดังกล่าวมีการเอียงเกิดขึ้นอยู่ตลอดเวลา จนหลายคนให้คำทำนายว่าจะต้องมีการเอนล้มในอนาคต ซึ่งกิจกรรมยอดนิยมที่พลาดไม่ได้ถ้ามาที่นี่ก็คือการถ่ายรูปกับหอเอนปิซ่า แต่ถ้าหากคุณมีเวลาก็อยากให้ลองเข้าไปเยี่ยมชมวิหารด้านในที่มีความงดงาม อลังการ ชวนให้คุณต้องอึ้งแน่นอน 

  • ที่อยู่ : Piazza del Duomo, Pisa PI, Italy
  • เวลาเปิด-ปิด : จันทร์ – เสาร์ เวลา 10.00 AM – 06.00 PM และอาทิตย์ เวลา 01.00 PM – 06.00 PM

8.  มหาวิหารเซียนา – Duomo di Siena

มหาวิหารอีกหนึ่งที่ ที่ถ้ามาเที่ยวอิตาลีแล้วควรต้องแวะไปเยี่ยมชม ก็คือ มหาวิหารเซียนา หรือ Duomo Di Siena ซึ่งตั้งอยู่ที่เมืองเซียนา ถือเป็นหนึ่งในมหาวิหารที่มีชื่อเสียงของนิกายโรมันคาทอลิก มหาวิหารเซียนา ถูกออกแบบและสร้างขึ้นในระหว่างปี ค.ศ 1215 ถึง ค.ศ. 1263 ตั้งอยู่บนฐานวัดเก่า มีแผนผังเป็นแบบกางเขนละติน ที่มีส่วนขวายื่นออกมามากว่าปกติ ด้านนอกและด้านในจะตกแต่งด้วยหินอ่อนขาวสลับเขียวดำ และยังมีการแทรกเพิ่มเติมด้วยหินอ่อนสีชมพู

ประวัติศาสตร์สำคัญของมหาวิหารแห่งนี้คือ มีการประชุมสถาบาทหลวง หรือ Synod เกิดขึ้นที่นี่ จนทำให้มีการเลือกนิโคลัสที่ 2 เป็นพระสันตะปาปา และปลดสมเด็จพระสันตะปาปาเท็จเบเนดิกต์ที่ 10 ออกจากตำแหน่ง หากชื่นชอบประวัติศาสตร์จึงไม่ควรพลาดที่จะไปเยี่ยมชมวิหารนี้

  • ที่อยู่ : Piazza del Duomo, Siena SI, Italy
  • เวลาเปิด-ปิด : จันทร์ – เสาร์ เวลา 10.30 AM – 05.00 PM และอาทิตย์ เวลา 01.30 PM – 05.00 PM

มหาวิหารมิลาน - Duomo di Milano

9. มหาวิหารมิลาน – Duomo di Milano

เมืองมิลานของอิตาลี นั้นไม่ได้มีดีแค่เป็นเมืองแฟชั่นเพียงอย่างเดียว แต่จริงๆ แล้วมิลานเองก็มีมหาวิหารมิลาน ที่มีความโดดเด่นทางสถาปัตยกรรมแบบ Gothic และถือเป็น มหาวิหารแบบ Gothic ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดของโลก มีความสูง 157 เมตรและกว้าง 92 เมตร เริ่มก่อสร้างในปีค.ศ. 1386 โดยจิอาน กาเลอัซโช วิสคอนดิ แห่งตระกูลวิสคอนดิ เพื่อสักการะพระแม่มารีให้ประทานบุตรชายเพื่อเป็นทายาทสืบทอดตระกูล 

มหาวิหารแห่งนี้จะมีความโดดเด่นตรงที่มียอดแหลมอยู่บนหลังคาถึง 135 ยอด จึงทำให้มองดูแล้วมีความวิจิตร ตระการตา และในบริเวณยอดใหญ่ตรงกลาง ยังมีสิ่งที่เรียกว่า Madunina ซึ่งเป็นรูปปั้นแม่พระ ทำด้วยทองสัมฤทธิ์ขนาดใหญ่ กิจกรรมที่นักท่องเที่ยวอิตาลีนิยมทำกันก็คือขึ้นไปชมทัศนียภาพของทั้งเมืองมิลาน โดยจะต้องเสียค่าเข้าชม และเดินผ่านบันได 158 ขั้นเพื่อขึ้นไปรับชม หรือจะจ่ายเพิ่มเพื่อใช้ลิฟต์ก็ได้ 

  • ที่อยู่ : P.za del Duomo, 20122 Milano MI, Italy
  • เวลาเปิด-ปิด : 09.00 AM- 07.00 PM

10. ศูนย์การค้ากัลเลรีอา วิตโตรีโย เอมานูเอเล เซคอนโด – Galleria Vittorio Emanuele II

ที่เที่ยวอิตาลีแห่งนี้ เป็นที่เที่ยวที่ไม่ควรพลาดสำหรับสายแฟชั่น เนื่องจาก ถือเป็นสิ่งที่ทำให้ เมืองมิลาน แห่งประเทศอิตาลีได้รับการขนานนามว่าเป็นเมืองแฟชั่น นั่นก็คือศูนย์การค้ากัลเลรีอา วิตโตรีโย เอมานูเอเล เซคอนโด ซึ่งถือเป็นห้างสรรพสินค้าที่เก่าแก่ที่สุดของโลก ชื่อของศูนย์การค้าดังกล่าวได้ตั้งตามชื่อ พระเจ้าวิตโตรีโอ เอมานูเอเลที่ 2 ซึ่งเป็นกษัตริย์องค์แรกของอิตาลี ถูกออกแบบ Giuseppe Mengoni ด้านในนั้นมีทั้งศูนย์การค้าและโรงแรมระดับ 5 ดาวตั้งอยู่ด้วยกัน ห้างสรรพสินค้าแห่งนี้ยังมีสถาปัตยกรรมที่โดดเด่นคือ มีทางเดินอยู่ตรงกลาง และขนาบข้างไปด้วยอาคาร 4 ชั้น อีกทั้งยังมีหลังคาทรงโค้งงดงาม  

แน่นอนว่ากิจกรรมที่จะต้องทำเมื่อมาเที่ยวที่เที่ยวอิตาลีแห่งนี้ ก็คือการช็อปปิ้งนั่นเอง โดยภายในนั้นมีทั้งร้านจำหน่ายสินค้าแฟชั่นแบรนด์หรู เครื่องประดับเพชรพลอย รวมไปถึงภาพเขียนงานศิลปะต่างๆ หากใครที่ต้องการรับประทานอาหาร ดื่มกาแฟ หรือสังสรรค์ ก็มีร้านอาหาร คาเฟ่ และบาร์อยู่ด้านในด้วยเช่นกัน โดยบางร้านนั้นมีความเก่าแก่และควรต้องลอง 

  • ที่อยู่ : P.za del Duomo, 20123 Milano MI, Italy
  • เวลาเปิด-ปิด : 24 ชั่วโมง

11. ทะเลสาบโกโม – Lago di Como

สำหรับใครที่อยากเที่ยวอิตาลีแบบเยี่ยมชมความสวยงามของธรรมชาติ จะต้องจดที่เที่ยวอิตาลีอย่าง ทะเลสาบโกโม เอาไว้เลย เนื่องจากได้รับการยกย่องให้เป็นทะเลสาบที่สวยที่สุดในอิตาลี มีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 3 และยังเป็นทะเลสาบที่ลึกเป็นลำดับที่ 5 ของทวีปยุโรป ในอดีตทะเลสาบแห่งนี้ คือที่พักผ่อนของขุนนางและสมาชิกราชวงศ์ชั้นสูง ทำให้มีวิลล่าหรู และพระราชวังมากมายรายล้อมโดยรอบ 

หนึ่งในสถานที่สำคัญที่ไม่ควรพลาดต้องมาเยี่ยมชมที่ทะเลสาบแห่งนี้ก็คือ มหาวิหารโคโม ซึ่งใช้เวลาก่อสร้างถึง 400 ปี ไว้สักการะพระแม่มารี นอกจากนี้ยังเป็นที่ตั้งของพิพิธภัณฑ์เมือง Como ที่จะมีการรวบรวมและเล่าเรื่องราวการค้นคว้าของนักวิทยาศาสตร์ชื่อดังอย่าง Alessandro Volta ผู้คิดค้นแบตเตอร์ไฟฟ้า นอกจากการเดินดูธรรมชาติ เพลิดเพลินไปกับสถาปัตยกรรมหรูหรา หรือเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์เพื่อเพิ่มความรู้แล้ว คุณยังสามารถเดินเล่นช็อปปิ้ง และลิ้มลองอาหารได้ จากร้านขายของ ร้านอาหาร และร้านกาแฟโดยรอบทะเลสาบดังกล่าวได้ด้วย

  • ที่อยู่ : Italy
  • เวลาเปิด-ปิด :

หมู่บ้านทั้ง 5 แห่งแคว้นลีกูเรีย - Cinque Terre

12. หมู่บ้านทั้ง 5 แห่งแคว้นลีกูเรีย – Cinque Terre 

ใครอยากเที่ยวอิตาลี แบบบรรยากาศทะเล ก็ควรจะไปหมู่บ้านทั้ง 5 แห่งแคว้นลีกูเรีย หรือที่เรียกกันอีกชื่ว่า Cinque Terre อ่านว่าชิงเกว แตร์เร ซึ่งที่เที่ยวอิตาลีแห่งนี้จะเป็นเมืองติดทะเล ที่ด้านในจะประกอบไปด้วย 5 หมู่บ้านสีลูกกวาดน่ารักเรียงรายริมทะเล ได้แก่ Monterosso al Mare, Vernazza, Corniglia, Manarola และ Riomaggiore บรรยากาศสดใสของบ้านเรือนที่มีสีลูกกวาด และทางเดินริมทะเลที่สวยงาม ทำให้กลายเป็นเมืองที่มีบรรยากาศสนุกสนาน 

กิจกรรมที่แนะนำถ้ามาเยือนที่เที่ยวอิตาลีแห่งนี้ ก็คือการเดินชมรอบๆ เมือง โดยให้เดินเที่ยวลัดเลาะตามบ้านคนขึ้นไป จะช่วยให้คุณได้สัมผัสกับวิถีชีวิตของผู้คนท้องถิ่น ยิ่งถ้าได้มาในช่วงกรกฏาคม คุณก็จะได้ชมความสวยงามของดอกไม้ที่บานอยู่รอบข้างทาง นอกจากนี้สิ่งที่ไม่ควรพลาด คือการกินอาหารทะเล เพราะอาหารทะเลจากที่นี่นั้นมีความสดใหม่ และมีรสชาติอร่อยเป็นอย่างมาก 

  • ที่อยู่ : Cinque Terre, Italy
  • เวลาเปิด-ปิด :

13. เทือกเขาโดโลไมต์ – Dolomites

สำหรับสายท่องเที่ยวที่ชอบบรรยากาศหนาวๆ หิมะขาวโพลน ขอแนะนำที่เที่ยวอิตาลีอย่างเทือกเขาโดโลไมต์ ซึ่งอยู่ในแนวเทือกเขาแอลป์ฝั่งอิตาลี เป็นเทือกเขาแนวเดียวกับที่พาดผ่านทั้งประเทศอิตาลี สวิตเซอร์แลนด์ และออสเตรีย เทือกเขาแห่งนี้มีความอุดมสมบูรณ์และสวยงามจนยูเนสโก้ได้จดทะเบียนขึ้นเป็นมรดกโลก 

เทือกเขาโดโลไมต์ เป็นที่เที่ยวอิตาลีที่มาเที่ยวได้ในฤดูกาล ไม่ใช่แค่ฤดูหนาวเพียงอย่างเดียว โดยถ้ามาในช่วงฤดูใบไม้ผลิ ก็จะได้ตากอากาศบริสุทธิ์ ท่ามกลางบรรยากาศที่มีความเย็นสบาย กลางทุ่งหญ้าสีเขียว แต่ถ้าหากมาในช่วงฤดูร้อน ก็จะอาจจะสัมผัสกับบรรยากาศท้องฟ้าปลอดโปร่งสดใส แต่ถ้าใครไม่ชอบอากาศร้อนๆ ก็ควรหลีกเลี่ยงในช่วงนี้ ส่วนในช่วงฤดูใบไม้ร่วง จะได้ชมสีสันของใบไม้ที่เปลี่ยนสี และถ้าหากมาในช่วงฤดูหนาว นอกจากจะสัมผัสกับบรรยากาศหิมะตกแล้ว ยังมีจุดเล่นสกีที่คุณสามารถสนุกและผจญภัยได้ประทับใจไม่แพ้ที่สวิตเซอร์แลนด์ 

  • ที่อยู่ : Rocca Pietore, Province of Belluno, Italy
  • เวลาเปิด-ปิด :

อาหารเด็ดเมนูอร่อย ไปเที่ยวอิตาลีห้ามพลาด

อาหารเด็ดเมนูอร่อย ไปเที่ยวอิตาลีห้ามพลาด

หนึ่งในสัญชาติอาหารที่ได้รับความนิยมทั่วโลกมายาวนาน ก็คืออาหารอิตาเลียนนั่นเอง โดยอาหารอิตาเลียนที่คนไทยเรารู้จักนั้นก็มีหลากหลายเมนู แต่ถ้าหากคุณได้มีโอกาสได้ไปเที่ยวอิตาลี ก็ไม่ควรพลาดที่จะลองทานอาหารอิตาเลียนเหล่านี้ จากพ่อครัวแม่ครัวท้องถิ่น เพื่อที่จะได้ลิ้มลองความอร่อยแบบต้นตำรับแท้ๆ จากฝีมือของคนอิตาเลียน รับรองได้เลยว่าจะไม่ผิดหวังกันอย่างแน่นอน มาดูกันดีกว่าว่า อาหารอิตาเลียน ที่คุณไม่ควรพลาดถ้ามาเที่ยวอิตาลีจะมีอะไรกันบ้าง

1. Bruschetta

Bruschetta หรือบรูสเกต้า เป็นอาหารอิตาเลียนจากเรียกน้ำย่อย ที่จะต้องเจอถ้าไปรับประทานตามร้านอาหารอิตาลีต่างๆ โดยอาหารจานนี้จะมีลักษณะเป็นขนมปังที่นำไปปิ้งหรือย่าง แล้วทาด้วยน้ำมันมะกอก เกลือ และกระเทียม แล้วค่อยวางเสริมด้วยองค์ประกอบอื่นๆ เพื่อเพิ่มความอร่อยมากขึ้นอย่าง มะเขือเทศ หัวหอม มอสซาเรลลาชีส พาสลีย์ จะมีรสชาติที่อร่อยแบบเบาๆ ให้ความสดชื่นจากผัก และความหอมของน้ำมันมะกอกและกระเทียม นิยมทานในช่วงมือเช้าของแต่ละวัน

2. Lasagna

Lasagna หรือลาซานญา เป็น เมนูอาหารอิตาเลียน ที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก โดยบางคนอาจจะเห็นจากตัวการ์ตูนอย่างแมวการ์ฟิวส์ ที่ลักษณะเป็นแป้งพาสต้าซ้อนกันเป็นชั้นๆ แต่ละชั้นก็จะมีส่วนประกอบของเนื้อสัตว์ ผัก และชีส ควรต้องนำไปอบให้ชีสละลายก่อนจะรับประทาน รสชาติของลาซานญา จะมีความคล้ายกับพาสต้า โดยจะมีความอร่อยจากความเข้มข้นของซอสลาซานญา ตัดกับความนุ่มนวลของชีส 

3. Pasta Carbonara

Pasta Carbonara หรือคาร์โบนาร่า นั้นเป็นเมนูพาสต้ายอดนิยม ที่ใครก็ชื่นชอบ แต่หลายคนอาจจะไม่รู้ว่า พาสต้าคาร์โบนาร่า ที่มีการใส่นมหรือครีมทั่วๆ ไปนั้น ถือเป็นพาสต้าที่ไม่ตรงตามต้นฉบับ เนื่องจาก Pasta Carbonara ที่แท้จริงตามรูปแบบของอาหารอิตาเลียน จะใช้แค่ส่วนผสมอย่าง เส้นพาสต้า ไข่ และพาร์เมซานชีสเท่านั้น โดยจะทำการคลุกไข่ให้เข้ากับพาร์เมซานชีสและเส้นพาสต้า ด้วยการอาศัยน้ำต้มพาสต้าเป็นตัวเชื่อม ซึ่งจะต้องอาศัยความชำนาญในการทำ เพื่อให้ไข่นั้นสามารถกลายเป็นซอสเคลือบเส้นพาสต้าได้พอดี ต้องไม่สุกจนเป็นไข่คน

4. Gelato

พ้นจากอาหารคาว ก็มาที่อาหารหวานกันบ้าง โดยเมนูของหวานอิตาเลียนที่ได้รับความนิยมสูงก็คือ Gelato หรือที่รู้จักกันในชื่อ ไอศกรีมอิตาเลียน มีลักษณะไม่ค่อยแตกต่างจากไอศกรีมโดยทั่วไป แต่ Gelato จะพยายามรักษาคุณภาพด้วยการเลือกใช้เพียง นม ครีม และน้ำตาล ในสัดส่วนที่เหมาะสม เพื่อให้มีความเข้มข้น รสชาตินุ่มนวล และยังมีเนื้อสัมผัสที่หนืดมากๆ ทำให้การตัก Gelato ต้องอาศัยที่ตักเฉพาะ และต้องใช้ความชำนาญ ในบางครั้งอาจจะมีการตกแต่งด้วยผลไม้ หรือองค์ประกอบอื่นๆ ให้เนื้อไอศกรีมที่รสสัมผัสที่โดดเด่นมากขึ้น

5. Tiramisu

อาหารหวานอีกหนึ่งเมนูจากอิตาลี ที่หลายคนโปรดปราน นั่นก็คือ Tiramisu ซึ่งเป็นเมนูเบเกอรี่สัญชาติอิตาลี จะมีลักษณะเป็น sponge cake หรือบางครั้งอาจจะเป็นขนม Lady Fingers หรือขนมปังกรอบ Biscotto Savoiardo ที่ชุบในน้ำกาแฟเอสเปรสโซ่ที่มีความเข้มข้น วางเรียงกันแล้วราดด้วยครีมชีสที่เรียกว่า Mascarpone ถือว่าเป็นวัตถุดิบที่ขาดไม่ได้ถ้าจะทำเมนู Tiramisu ก่อนจะมีการตกแต่งด้านบนด้วยผงโกโก้ เพื่อให้มีความขมอ่อนๆ ดังนั้นรสชาติของ Tiramisu จึงมีทั้งความหวานละมุน และความหอมกลิ่นกาแฟโกโก้ตัดกันแบบกำลังพอดี 

สรุป

เห็นกันไปแล้วว่าประเทศอิตาลีมีสถานที่ท่องเที่ยวน่าสนใจหลายแห่ง เนื่องจากเป็นประเทศที่มีประวัติศาสตร์มายาวนาน อีกทั้งยังมีรสชาติอาหารที่อร่อยถูกปากหลายคนจากทั่วโลก สามารถเที่ยวได้ตลอดทั้งปี และเที่ยวได้หลากหลายแนว พร้อมทั้งอาหารที่เป็นเอกลักษณ์อีกมากมาย

ทั้งนี้ การไปเที่ยวอิตาลีเองก็จะต้องใช้ระยะเวลาที่ค่อนข้างจะนาน เพื่อจะได้เก็บให้ครบทุกสถานที่ อีกทั้งยังอาจจะมีค่าใช้จ่ายที่สูง ถ้าหากคุณมองหาสถานที่ท่องเที่ยวพักผ่อนหย่อนใจ ในระยะเวลาสั้นๆ แต่ได้บรรยากาศสถาปัตยกรรมแบบตะวันตก ที่จะให้ความรู้สึกเกือบจะเหมือนกับอยู่ในอิตาลี ก็ลองมาพักผ่อนที่ Rancho Charnvee Resort ดู เนื่องจากรีสอร์ทของเรานั้นตั้งอยู่ใกล้เขาใหญ่ ได้บรรยากาศที่เงียบสงบ สูดอากาศบริสุทธิ์สดชื่น ที่สำคัญเรายังมีกิจกรรมมากมายให้คุณได้สนุกและผ่อนคลาย พร้อมอร่อยกับอาหารอิตาเลียน ปรุงโดยเชฟมากฝีมือ ที่ให้คุณได้ลิ้มลองความอร่อยไม่แพ้ต้นฉบับ