fbpx

เที่ยวสเปน ดินแดนสถาปัตยกรรม เมืองสวยตระการตา ไปเที่ยวที่ไหนดี?

ประเทศสเปน ดินแดนที่ขึ้นชื่อว่าเป็นเมืองที่มากด้วยศิลปะ และสถาปัตยกรรมล้ำค่า หากนักท่องเที่ยวที่ชื่นชอบการดื่มด่ำวัฒนธรรม กลิ่นอายทางศิลปะต่างๆ ในด้านความเป็นเมืองเก่า การได้เรียนรู้และสัมผัสประสบการณ์วัฒนธรรมดั้งเดิมที่เป็นเอกลักษณ์ในประเทศสเปนอย่างชัดเจน ต้องแนะนำว่าการเลือกเที่ยวที่สเปนให้ได้สักครั้งจะช่วยเติมเต็มประสบการณ์ในการเดินทางใหม่ๆ ให้กับชีวิตได้อย่างน่าประทับใจแน่นอน ดังนั้นต้องขอรวม 10 สถานที่เที่ยวสเปน สำหรับการวางแผนว่าไปไหนดีให้เหล่านักเดินทางได้วางแผนกันก่อนออกทริป 

  ทำความรู้จักประเทศสเปน ทำไมถึงน่าเที่ยว

ทำความรู้จักประเทศสเปน ทำไมถึงน่าเที่ยว

ประเทศสเปนเป็นประเทศที่มีขนาดพื้นที่ค่อนข้างเยอะ มีขนาดใหญ่ที่สามารถเทียบเท่ากับหลายๆ พื้นที่ในประเทศอเมริกาได้เลย ซึ่งประเทศสเปนมีขนาดพื้นที่ใหญ่มากกว่ารัฐแคลิฟอร์เนีย และติดอันดับ 51 ของโลกในด้านความกว้างใหญ่ และตั้งอยู่ทางตะวันตกเฉียงใต้ของทวีปยุโรป มีชื่อเรียกสากลอีกอย่างว่าเป็น ‘ราชอาณาจักรสเปน’ โดยดินแดนแห่งนี้เป็นเมืองที่มีเอกลักษณ์อย่างมากในด้านของวัฒนธรรมหลัก วัฒนธรรมท้องถิ่นแต่ละพื้นที่ 

ส่วนด้านภาษาในประเทศนี้มีการใช้ภาษาของตัวเอง ซึ่งนั่นก็คือ ภาษาสเปน และ สำหรับค่าเงินที่นี่จะเป็นมาตรฐานสากลใช้นามสกุลเงินยูโร (EURO) โดยมีอัตราการแลกเปลี่ยนอยู่ที่ 1 ยูโร (EUR) ประมาณ 36 – 40 บาทไทย (THB)

ประเทศสเปน ไปตอนไหนดี?

ประเทศสเปน ไปตอนไหนดี?

ประเทศสเปนมีทั้งหมด 4 ฤดูกาล โดยแต่ละฤดูกาลก็มีเสน่ห์ที่เป็นจุดเด่น และข้อดีที่แตกต่างกัน เหมาะกับการวางแผนหาสถานที่ท่องเที่ยวสเปนได้ตลอดทั้งปี ไม่ว่าจะเลือกเดินทางมายังฤดูใดก็จะได้รับประสบการณ์ที่น่าประทับใจในคนละมุมกลับไปแน่นอน ส่วนความน่าสนใจของฤดูกาลต่างๆ ในประเทศสเปน มีดังนี้

  • ฤดูหนาว ประเทศสเปนจะเข้าสู่ฤดูหนาวตั้งแต่เดือนธันวาคม ถึง มีนาคม จะมีสภาพอากาศหนาวมากจนมีโอกาสเกิดหิมะตก ซึ่งอุณหภูมิฤดูหนาวในสเปนอยู่ที่ประมาณ 0 – 9 องศาเซลเซียส และเป็นฤดูที่มักจะเต็มไปด้วยเทศกาลแห่งการเฉลิมฉลองโอกาสต่างๆ ใครที่มาเที่ยวฤดูหนาวจะได้ร่วมเทศกาลมากมายแน่นอน
  • ฤดูใบไม้ผลิ ฤดูที่น่าท่องเที่ยวมากที่สุด เพราะมีอากาศที่เย็นสบายกำลังดี โดยฤดูใบไม้ผลิของสเปนจะเริ่มตั้งแต่เดือนมีนาคม ถึง มิถุนายน และเป็นฤดูที่มีอุณหภูมิประมาณ 10 – 25 องศาเซลเซียส พร้อมกับแสงแดดอ่อนๆ ทำให้ซึมซับบรรยากาศการท่องเที่ยวได้อย่างเพลิดเพลิน พร้อมกับเป็นช่วงเวลาที่ดอกไม้ต่างๆ เริ่มผลิดอกบานสะพรั่ง ทำให้หลายๆ พื้นที่เต็มไปด้วยการตกแต่งอย่างสวยงามตามธรรมชาติ
  • ฤดูร้อน ประเทศสเปนเข้าสู่ฤดูร้อนในช่วงเดือนมิถุนายน ถึง สิงหาคม โดยจะมีอุณหภูมิประมาณ 25 – 35 องศาเซลเซียส และมีแดดที่แรงจากสภาพอากาศร้อนชื้นคล้ายกับประเทศไทย ส่วนการท่องเที่ยวช่วงฤดูร้อนจะได้รับความนิยมมากที่สุดอยู่บริเวณเมืองชายฝั่ง และเป็นฤดูกาลที่เน้นการจัดงานเทศกาลดนตรี การสังสรรค์ต่างๆ ให้ได้เน้นรับประสบการณ์ลิ้มรสชาติอาการ และเครื่องดื่มของทางสเปนกันเป็นหลักจากหลายๆ เมือง
  • ฤดูใบไม้ร่วง เป็นฤดูอากาศอบอุ่น โดยเริ่มต้นตั้งแต่เดือนกันยายน ถึง พฤศจิกายน มีอุณหภูมิเฉลี่ยตั้งแต่ 15 – 19 องศาเซลเซียส เป็นฤดูกาลที่เหมาะแก่การเดินเล่นและท่องเที่ยวมากพอๆ กับฤดูไม้ใบผลิในสเปน ในฤดูใบไม้ร่วงของสเปนจะเต็มไปด้วยวันหยุดพิเศษ วันสำคัญมากมาย ทำให้มีเทศกาลจัดงานในเมืองต่างๆ ค่อนข้างบ่อย

เตรียมตัวไปเที่ยวสเปน ต้องมีวีซ่าไหม?

การเดินทางเที่ยวสเปนจากนักท่องเที่ยวชาวไทย จำเป็นต้องทำวีซ่าประเภท วีซ่าท่องเที่ยว และสามารถใช้ได้ไม่เกิน 90 วันภายในประเทศสเปน แต่ถ้าใครต้องการเดินทางไปเพื่อพักอาศัยนานมากกว่า 90 วัน ต้องเลือกวีซ่าประเภทอื่น ซึ่งอาจต้องทำเรื่องขอที่ยุ่งยากมากกว่า จึงแนะนำให้วางแผนการเดินทางให้ดีก่อน 

 

ส่วนค่าธรรมเนียมการทำวีซ่าสเปนของผู้ใหญ่จะมีราคา 60 ยูโร (EUR) หรือประมาณ 2,970 บาทไทย สำหรับวีซ่าสเปนของเด็กที่มีอายุตั้งแต่ 6 – 12 ปี จะมีราคาประมาณ 1,485 บาทไทย และเด็กเล็กที่มีอายุต่ำกว่า 6 ปี จะไม่เสียค่าธรรมเนียม ซึ่งในการขอวีซ่าสเปน สามารถจองคิวออนไลน์กับศูนย์รับยื่นวีซ่าสเปนได้เลย พร้อมกับเตรียมเอกสารต่างๆ และค่าธรรมเนียมตามกฎระเบียบการทำวีซ่าให้เรียบร้อย จากนั้นเลือกยื่นเป็นวีซ่าประเภทท่องเที่ยว แล้วรอผลการยื่นคำร้องตามระยะเวลาที่กำหนดไว้ก็เป็นอันเสร็จสิ้น

รวม 10 สถานที่ท่องเที่ยวยอดฮิตประเทศสเปน

เมื่อได้รู้ข้อมูลที่จำเป็นสำหรับการเที่ยวสเปนแล้ว ต่อไปก็ต้องมาดู 10 สถานที่ท่องเที่ยวยอดฮิตของประเทศสเปน เพื่อเลือกสถานที่เที่ยวสเปนที่สนใจ และเหมาะกับไลฟ์สไตล์การเดินทางของนักท่องเที่ยวจากสถานที่ยอดนิยมจากเมืองต่างๆ บอกได้เลยว่าถ้าใครวางแผนเดินทางไปสเปนต้องห้ามพลาด รับรองว่าได้ประสบการณ์ดีๆ ที่หลากหลายรูปแบบแน่นอน

Royal Palace of Madrid - พระราชวังหลวงแห่งกรุงมาดริด

1. Royal Palace of Madrid – พระราชวังหลวงแห่งกรุงมาดริด

พระราชวังหลวงแห่งกรุงมาดริด (Royal Palace of Madrid) เป็นพระราชวังที่มีสถาปัตยกรรมโดดเด่นอย่างมาก เพราะเป็นพระราชวังที่ก่อสร้างด้วยหินทั้งหมด เพราะในอดีตแล้วเป็นการสร้างเพื่อป้องกันเหตุไฟไหม้พระราชวังนั่นเอง สถานที่ท่องเที่ยวในเชิงประวัติศาสตร์ และสถาปัตยกรรมที่ยิ่งใหญ่มากในประเทศสเปน และมีอายุยาวนานหลายร้อยปี ก่อตั้งขึ้นมาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1738 

โดยนักท่องเที่ยวสามารถเข้าเยี่ยมชมความงดงาม และดื่มด่ำเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ภายในพระราชวังแห่งนี้ได้ แต่ไม่สามารถดูได้ทุกพื้นที่ เพราะนักท่องเที่ยวจะได้สิทธิ์ในการเข้ารับชมพื้นที่ห้องภายในเพียง 50 ห้องเท่านั้น จากทั้งหมด 3,418 ห้องทั่วทั้งพระราชวัง และไม่สามารถถ่ายภาพด้านในได้ พร้อมกับห้ามนำสัมภาระใดๆ เข้าไป ต้องฝากที่ล็อกเกอร์ก่อนเข้าเยี่ยมชม ถือว่าเป็นสถานที่ที่สำคัญมากอีกหนึ่งแห่งที่สวยงามเหมาะกับการเข้าดื่มด่ำเยี่ยมชมแน่นอน

  • วิธีการเดินทาง : ใช้เวลาเดินทางจากสถานี Opera หรือ Santo Domingo จะใกล้มากกว่า สามารถเดินมาได้เลย ใช้เวลาเพียงแค่ 5 นาทีจากสถานี Opera และใช้เวลาประมาณ 9 – 10 นาทีจาก Santo Domingo
  • ที่อยู่ : ย่าน Centro , Calle de Bailen s/n, 28071 Madrid Spain
  • พิกัด : พระราชวังหลวงแห่งกรุงมาดริด 

2. Sagrada Familia – มหาวิหารซากราดาแฟมิเลีย

มหาวิหารซากราดาแฟมิเลีย เป็นผลงานศิลปะด้านสถาปัตยกรรมที่ผสมผสานการออกแบบจากธรรมชาติร่วมกับสไตล์ความโมเดิร์นนิสโมได้อย่างอลังการ และหรูหราอย่างมาก ซึ่งมหาวิหารแห่งนี้มีขนาดใหญ่โตมโหฬาร มีรายละเอียดการสร้างสรรค์ผลงานโดยสถาปนิกที่โด่งดังอย่าง Antonio Gaudi ที่ได้เสียชีวิตก่อนแผนการสร้างสุดยอดมหาวิหารระดับโลกแห่งนี้จะสร้างเสร็จในช่วงปี 2026 

ด้วยความที่รายละเอียดทุกพื้นที่ มีการออกแบบและตกแต่งอย่างประณีต สวยงามทุกวัสดุ ออกแบบอย่างสมบูรณ์ตั้งแต่ภายนอกและภายใน จึงใช้ระยะเวลาที่ค่อนข้างมากในการเก็บรายละเอียดการสร้าง จึงทำให้สถานที่ท่องเที่ยวแห่งนี้กลายเป็นหนึ่งสิ่งก่อสร้างระดับโลกที่อลังการมากที่สุด เพียงแค่แวะเวียนมาถ่ายภาพบริเวณรอบๆ ภายนอกมหาวิหารก็คุ้มค่ามากอย่างแน่นอน และถ้าหากใครที่มีเวลาในการท่องเที่ยว ก็สามารถเข้ารับชมความงดงามหรูหราของภายในมหาวิหารแห่งนี้ได้ มีตั๋วค่าเข้าชมที่ 15 ยูโรเท่านั้น

  • วิธีการเดินทาง : เป็นสถานที่ที่ตั้งอยู่ใจกลางเมืองบาเซโลนา สามารถเดินทางไปยังเมืองนี้ก็จะพบเจอได้ทันที
  • ที่อยู่ : C/ de Mallorca, 401, 08013 Barcelona, Spain
  • พิกัด : มหาวิหารซากราดาแฟมิเลีย 

3. Toledo Cathedral – มหาวิหารโตเลโด

มหาวิหารโตเลโด (Toledo Cathedral) เป็นมหาวิหารที่ใหญ่อันดับ 2 ของประเทศสเปน และเป็นการออกแบบมหาวิหารด้วยสถาปัตยกรรมสไตล์กอธิคทั้งหมด ทำให้ดูทรงพลัง ยิ่งใหญ่ และเป็นสไตล์ศิลปะที่หาชมได้ยากมากอีกหนึ่งรูปแบบ ส่วนการตกแต่งภายในมหาวิหารโตเลโดก็ยังคงความเป็นกอธิคเต็มรูปแบบ แต่จัดตกแต่งได้สวยงามวิจิตรตระการตา มีรายละเอียดที่เยอะมากด้วยเช่นกัน เข้าชมความใหญ่โตแนวศิลปะที่หาชมได้ยากต้องแนะนำมหาวิหารโตเลโด แห่งเมืองโตเลโดซึ่งขึ้นชื่อว่าเป็นเมืองศูนย์กลางทางประวัติศาสตร์ และวัฒนธรรมของสเปนอย่างแท้จริง

  • วิธีการเดินทาง : เดินทางจากกรุงมาดริคของสเปน ไปยังทางใต้อีก 72 กิโลเมตร ด้วยขนส่งรูปแบบใดก็ได้ เพื่อไปลงที่เมืองโตเลโด
  • ที่อยู่ : Calle Cardenal Cisneros, 1, 45002 Toledo, Spain
  • พิกัด : มหาวิหารโตเลโด 

Alhambra - พระราชวังอะลัมบรา

4. Alhambra – พระราชวังอะลัมบรา

พระราชวังอะลัมบรา (Alhambra) เป็นสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญด้านสถาปัตยกรรมอันเป็นเอกลักษณ์ในเชิงศาสนาที่ตั้งอยู่เมืองโตเลโด (Toledo) ซึ่งที่แห่งนี้เป็นพระราชวังของราชวงศ์ Nasdrid และมีการออกแบบสถาปัตยกรรมหลากหลายรูปแบบ หลากหลายอาคาร รวมถึงมัสยิด และการจัดตกแต่งพื้นที่โดยรอบที่มีสไตล์แตกต่างกันไป ตั้งแต่การออกแบบแนวอาคารยุคโบราณผสมกับความร่วมสมัย และเป็นสถานที่ที่มีความสำคัญในด้านศาสนา เพราะเป็นสถาปัตยกรรมที่โดดเด่นสำหรับยุคอิสลามในสเปน 

  • วิธีการเดินทาง : สถานที่ตั้งอยู่บนเนินเขา al-Sabika ฝั่งซ้ายของแม่น้ำ Darro เมืองกรานาดาฝั่งตะวันตก (แคว้นอันดาลูเซีย)
  • ที่อยู่ : C. Real de la Alhambra, s/n, 18009 Granada, Spain
  • พิกัด : พระราชวังอะลัมบรา 

5. Santiago Bernabeu Stadium – สนามซานติเอโกเบอร์นาบิว 

การมาเยือนถึงถิ่นสนามแมทช์บอลโลก และเป็นสนามฝึกซ้อมของสโมสรใหญ่แห่งสเปนอย่างทีมเรอัล มาริด หนึ่งในสนามที่สำคัญในวงการฟุตบอลอย่างมากกับสนาม Santiago Bernabeu Stadium ที่เป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวสเปนในฝันของแฟนบอลหลายๆ คน เพราะที่นี่เป็นสนามการแข่งขันฟุตบอลที่ใหญ่ที่สุดอีกแห่งของโลก ส่วนกิจกรรมที่นักท่องเที่ยวจะได้ทำ เมื่อแวะมาเยือนสถานที่แห่งนี้ คือ การเข้าชมทุกส่วนของสนามกีฬาฟุตบอลสุดยิ่งใหญ่ที่นี่ทั้งหมด ตั้งแต่ ตัวสนามจากมุมมองผู้ชม ห้องพักนักกีฬา ห้องสำหรับการแถลงข่าว ห้องเกียรติยศที่รวบรวมถ้วยรางวัล และเหรียญนักกีฬาไว้มากมาย 

  • วิธีการเดินทาง : ใช้รถไฟใต้ดินสาย 10 จาก กรุงมาดริด ลงที่สถานี Santiago Bernabeu เมื่อเดินขึ้นมาจากสถานีก็จะพบกับสนามได้ทันที
  • ที่อยู่ : Av. de Concha Espina, 1, 28036 Madrid, Spain
  • พิกัด : สนามซานติเอโกเบอร์นาบิว 

Gran Via Street - ถนนแกรนเวีย

6. Gran Via Street – ถนนแกรนเวีย

ถนนแกรนเวีย (Gran Via Street) เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ต้องเรียกว่า เป็นเส้นถนนหลักในประเทศสเปน และเป็นพื้นที่ของการท่องเที่ยวในประเทศสเปนอย่างแท้จริง เนื่องจาก ถนนแกรนเวียนี้เป็นเหมือนศูนย์กลางการชอปปิ้งทุกรูปแบบ เป็นเหมือนใจกลางรวมร้านค้า ห้างสรรพสินค้ามากมาย พร้อมกับตึก และอาคารตลอดเส้นทางที่เป็นการออกแบบอย่างธีมเมืองเก่า พร้อมกับสถาปัตยกรรมอาคารที่มีประวัติศาสตร์มากมาย เป็นการดื่มด่ำบรรยากาศที่หลากหลาย 

ทำให้ได้รับความนิยมสูงมากสำหรับนักท่องเที่ยวทั่วโลก และด้วยความที่เป็นใจกลางแห่งกิจกรรมต่างๆ ที่ดึงดูดผู้คนมาท่องเที่ยวกันได้เยอะมาก พร้อมกับความน่าสนใจของทุกการชอปปิ้ง ตอบโจทย์ได้ทุกไลฟ์สไตล์ความบันเทิง ถนนเส้นนี้จึงได้รับชื่อเรียกว่าเป็น “Spanish Broadway” เลยนั่นเอง   

  • วิธีการเดินทาง :  ขึ้นรถไฟใต้ดิน สาย 3 หรือ 5 ไปลงสถานี Callao ส่วนรถไฟใต้ดินสาย 2 ให้ลงที่สถานี Domingo
  • ที่อยู่ : Madrid, Spain
  • พิกัด : ถนนแกรนเวีย 

7. Las Ramblas – ถนนคนเดินลารัมบลาส

ถนนคนเดินลารัมบลาส (Las Ramblas) เป็นถนนคนเดินที่ใหญ่ และมีชื่อเสียงมากที่สุดแห่งเมืองบาเซโลนา ประเทศสเปน โดยถนนคนเดินที่นี่มีความยาวกว่า 1.2 กิโลเมตร และมีร้านค้าเรียงรายกันตลอดทั้งเส้นทางให้ได้เลือกชอปปิงกันอย่างเพลิดเพลิน ด้วยสินค้าที่หลากหลายประเภท ตั้งแต่สินค้าของสะสม ร้านขายดอกไม้ ของประดับตกแต่งต่างๆ ร้านสัตว์เลี้ยง หรือแม้แต่ร้านขายงานศิลปะก็มีให้ได้ดื่มด่ำกัน พร้อมกับศิลปินนักวาดพเนจรที่มาอยู่ให้บริการโชว์ฝีมือกันจากทั่วทุกสารทิศ 

รวมถึงบรรยากาศรอบข้างถนนคนเดินที่รายล้อมไปด้วยสถานที่สำคัญที่น่าสนใจอื่นๆ ให้ได้เลือกทำกิจกรรมเพิ่มเติมกันมากมาย เช่น โรงละคร พิพิธภัณฑ์ หรือพื้นที่เยี่ยมชมพระราชวัง เป็นต้น 

  • วิธีการเดินทาง : นั่งสาย L3 ลงที่สถานี Drassanes จะใกล้กับ Christopher Columbus หรือลงใกล้กับโรงละคร Liceu ก็ได้เช่นกัน ส่วนอีกสถานีที่ลงแล้วเดินทางง่ายคือ Catalunya ด้วยสายเดียวกัน
  • ที่อยู่ : Barcelona , Spain
  • พิกัด : ถนนคนเดินลารัมบลาส 

8. Parque Nacional del Teide – อุทยานแห่งชาติเตย์เด เดอ เตอีเด

อุทยานแห่งชาติเตย์เด เดอ เตอีเด (Parque Nacional del Teide) เป็นอุทยานที่เก่าแก่ที่สุดของประเทศสเปน เป็นสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่อยู่มานานมากที่สุด จึงมีทัศนียภาพ วิวทิวทัศน์ต่างๆ ที่สวยงามมากที่สุดด้วยเช่นกัน และด้วยความที่อุทยานแห่งนี้ตั้งบนเทือกเขาสูงสุดในสเปนที่อยู่เหนือพื้นมหาสมุทรกว่า 7,500 เมตร จึงได้เห็นความสวยงามทางธรรมชาติอย่างเต็มที่ 

รวมถึงมีภูเขาไฟเตย์เดภายในอุทยานให้ได้เยี่ยมชมกัน ส่วนดอกไม้แปลกๆ ก็มีให้ได้พบเห็นเยอะมาก หรือจะเป็นต้นไม้ที่สูงมากกว่าปกติที่เคยได้พบเห็นมาก็เยี่ยมชมความสวยงามได้ที่อุทยานนี้

  •  วิธีการเดินทาง : สามารถมาได้ทั้งทางเรือและทางเครื่องบิน เพื่อไปยังเกาะเตเนริเฟ
  • ที่อยู่ : Calle Doctor Sixto Perera Gonzalez, 25, 38300 La Orotava, Santa Cruz de Tenerife, Spain
  • พิกัด : อุทยานแห่งชาติเตย์เด เดอ เตอีเด 

9. Playa de Muro beach – ชายหาดมูโร

ชายหาดมูโร หรือ ปลายาเดมูโร (Playa de Muro beach) ขึ้นชื่ออันดับ 1 ว่าเป็นชายหาดที่สวยที่สุดในสเปน มีน้ำทะเลที่ใสสะอาดอย่างมาก มองความสวยงามได้ด้วยตาเปล่า มองความใสของน้ำทะเลได้อย่างชัดเจน และยังเป็นชายหาดที่มีอากาศบริสุทธิ์สูงมากอีกด้วย นอกจากนี้ ด้วยสภาพแวดล้อมของชายหาดที่ยังมีการรายล้อมด้วยป่าสน จึงทำให้อากาศที่ชายหาดมีความสงบ และรู้สึกไม่ร้อนมาก อากาศสบายๆ เหมาะกับการเที่ยวพักผ่อนชมความสวยงามของธรรมชาติอย่างมาก 

  •  วิธีการเดินทาง : เดินทางด้วยเส้นทางใดก็ได้ไปยังอ่าว Alcudia ใกล้ๆ เมืองป้อมปราการโบราณชื่อ Playa de Muro เหมือนกัน เป็นพื้นที่หนึ่งในของ S’Albufera de Mallorca
  • พิกัด : ชายหาดมูโร 

Costa del Sol Beaches - ชายหาดคอสตา เดล โซล

10. Costa del Sol Beaches – ชายหาดคอสตา เดล โซล 

สถานที่ท่องเที่ยวในสเปนที่นอกเหนือจากการท่องเที่ยวเชิงศิลปะ และสถาปัตยกรรม ก็ต้องยกให้กับ ชายหาดคอสตา เดล โซล (Costa del Sol Beaches) โดยชายหาดที่นี่มีชื่อเสียงอย่างมาก มีแสงแดดที่เข้าถึงได้มากที่สุด เป็นพื้นที่รับแดดอย่างเต็มที่ที่สุดภายในทวีปยุโรป ทำให้ชาวต่างชาติที่อยู่พื้นที่เมืองหนาวให้ความนิยมมาอาบแดดพักผ่อนกันเยอะมากด้วยเช่นกัน 

ส่วนภาพรวมของชายหาดที่นี่ มีความสงบในทางธรรมชาติอย่างมาก มีเม็ดทรายละเอียดสีขาวปกคุลมพื้นที่ มีน้ำทะเลที่ใสสะอาดมากจนสามารถมองความสวยงามที่สะท้อนผิวน้ำได้ เรียกได้ว่าเป็นชายหาดที่สะอาดมากสมกับเป็นแหล่งท่องเที่ยวในเชิงธรรมชาติอย่างมากด้วยเช่นกัน

  • วิธีการเดินทาง : ใช้รถประจำทางหรือแท็กซี่ เรียกจากสนามบินนานาชาติ ซัลวาดอร์ตรงมาที่นี่ได้เลย
  •  พิกัด : ชายหาดคอสตา เดล โซล  

อาหารห้ามพลาดประเทศสเปน ต้องกินอะไร?

อาหารห้ามพลาดประเทศสเปน ต้องกินอะไร?

หลังจากที่ได้รู้ถึงที่เที่ยวสเปนกันไปมากมายแล้วนั้น ถัดมาที่น่าสนใจของการเที่ยวสเปนก็ต้องยกให้กับอาหารสเปนนั่นเอง เป็นอีกหนึ่งอย่างที่ไม่ควรพลาด มาดูกันว่าอาหารสเปนที่ต้องกินสักครั้งเมื่อได้มีโอกาสไปเยือนประเทศนี้ มีอะไรบ้าง

1. ปาเอญ่า

ปาเอญ่า ที่เคยได้ยินชื่อคุ้นเคยกันดีนี้ เป็นอาหารขึ้นชื่อ และเป็นอาหารหลักของประเทศสเปน นั่นคือ ข้าวผัดสเปนเสิร์ฟบนกระทะร้อนขนาดใหญ่ที่มีลักษณะแบน และมีหูจับ พร้อมให้รับประทานกันได้ทั้งโต๊ะ ทั้งครอบครัว หรือเพื่อนฝูงได้ในเสิร์ฟเดียว จุดเด่นของปาเอญ่า หรือข้าวผัดสเปนนี้ จะอยู่ที่ตัวเม็ดข้าวเลย เพราะเลือกใช้ข้าวสายพันธุ์บอมบ้าที่ดูดซึมน้ำได้ดี มีความอวบตัว เคล้ากับส่วนผสมหลักของน้ำสต๊อกจากเครื่องเทศมากมาย  และมีผักกับเนื้อสัตว์ภายในจาน ด้วยความที่เป็นข้าวผัดที่มีส่วนผสมเครื่องเทศอันเป็นเอกลักษณ์ จึงทำให้ข้าวเป็นสีเหลือง และมีความหอมมากทุกคำนั่นเอง

2. ตอติญ่า

หนึ่งในเมนูยอดฮิตเมื่อพูดถึงอาหารสเปนแล้วต้องแนะนำ ตอติญ่า ซึ่งเป็นเมนูที่เรียกง่ายๆ ว่า เป็นไข่เจียวสเปน โดยมีส่วนผสมหลักรวมกันแล้วจะเป็นไข่เจียวที่มีมันฝรั่ง และทอดด้วยน้ำมันมะกอกในลักษณะหนานุ่มอันเป็นเอกลักษณ์ของตอติญ่า

3. กัซปาโช

เมนูอันเป็นเอกลักษณ์ของประเทศสเปน ที่เรียกได้ว่า หากใครมีโอกาสไปเที่ยวสเปน ต้องเลือกเมนูนี้มาทานกันให้ได้ สำหรับ กัซปาโซ คือซุปอินเข้มข้นที่เป็นซุปมะเขือเทศเย็น มักทานกันในฤดูร้อน มีส่วนผสมหลักคือ มะเขือเทศ หอมใหญ่ กระเทียม แตงกวา น้ำส้มสายชู น้ำมันมะกอก  และขนมปังกรอบทั้งหมดมาปั่นเข้าด้วยกัน และปรุงรสความจัดจ้านด้วยพริกแห้ง หรือซอสพริก จะเสิร์ฟหลังจากแช่เย็นเสร็จ เป็นซุปที่เข้มข้น และเข้ากันอย่างน่าประหลาด จึงแนะนำว่าต้องลอง

4. แซงเกรีย

แซงเกรียเป็นหมวดหมู่เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่โด่งดังอย่างมากทั่วโลก และคิดค้นมาจากประเทศสเปนเป็นประเทศต้นกำเนิด โดยเครื่องดื่มนี้อยู่ในหมวดหมู่ไวน์แดงที่ผสมกับผลไม้ และเหล้าชนิดอื่นๆ จะมีกลิ่นที่หอมจากผลไม้ เป็นไวน์ที่กลั่นมาอย่างดี รสชาติหวาน ไม่ฝาด ไม่ขม 

5. เลเชฟริตา

เลเชฟริตา เป็นหมวดหมู่ขนมหวานประจำชาติของสเปนที่ได้รับความนิยมมาก เรียกง่ายๆ ว่า เป็นเมนู นมทอด ซึ่งทำมาจาก นมสดคุณภาพดีที่นำไปแช่แข็ง แล้วชุบแป้งกับไข่ผสมกันจึงนำไปลงทอด แล้วเสิร์ฟคู่กับการโรยน้ำตาลไอซ์ซิ่ง ผงอบเชย (Cinnamon) และราดน้ำผึ้ง พร้อมรับประทาน 

สรุป

ประเทศสเปนที่ความโดดเด่นที่ค่อนข้างครบ ตั้งแต่ด้านการเยี่ยมชมดื่มด่ำสถาปัตยกรรม ศิลปะที่หาชมรูปแบบได้ยากต่างๆ และเป็นเมืองที่รวมศิลปินด้านศิลปะหลายแขนงไว้อย่างมากมายอีกด้วย เป็นประเทศที่เต็มไปด้วยเรื่องราวทุกอย่างซึ่งผสมผสานเข้ากับศิลปะได้ทั้งหมด นอกจากนี้ อาหารของสเปนก็มีความเป็นเอกลักษณ์ และได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายไปทั่วโลกด้วยเช่นกัน ทั้งอาหารจานหลักอย่างข้าวผัดสเปน ไข่เจียวสเปน เครื่องดื่มประเภทไวน์ผสมสูตรพิเศษ หรือขนมหวานทานง่าย ทานเพลินอีกมากมาย 

แต่ทั้งนี้การเที่ยวสเปนเริ่มจากทำวีซ่าที่ต้องใช้เวลาพอสมควร หลายๆ ท่านอาจยังต้องวางแผนการเดินทางไว้เป็นแผนระยะยาว เนื่องด้วยค่าใช้จ่ายที่สูงทุกด้าน ดังนั้น หากใครที่อยากไปสเปนแต่ไม่อยากเสียเงินเยอะ ไม่อยากยุ่งยากกับการทำวีซ่า ต้องขอแนะนำสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจมากที่สุดในไทยตอนนี้ ซึ่งให้บรรยากาศการดื่มด่ำทุกอย่างคล้ายสเปน ต้องแวะมาที่ Rancho Charnvee Resort ที่ทุกคนจะได้ลิ้มรสชาติอาหาร เครื่องดื่ม อันเป็นเอกลักษณ์ของประเทศสเปน พร้อมกับเสพศิลปะหลากหลายแขนง สินค้าและร้านค้าสไตล์เมืองต่างๆ ในสเปนได้ที่นี่ทั้งหมดอย่างแน่นอน