fbpx

เช็กอิน! 12 เส้นทางรถไฟ วิวสวยระดับล้าน ต้องไปให้ได้สักครั้งในชีวิต

การเดินทางด้วยรถไฟเป็นหนึ่งในตัวเลือกที่ดี หากคุณเป็นคนที่ชอบเก็บเกี่ยวความทรงจำจากการเดินทาง เนื่องจากรถไฟไม่เพียงแต่สะดวกสบาย ประหยัดเวลา และปลอดภัย แต่ตลอดเส้นทางรถไฟยังช่วยให้คุณได้ชมวิวสวยๆ ที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นธรรมชาติ วัฒนธรรม หรือสถาปัตยกรรมที่อาจไม่เห็นได้จากการเดินทางด้วยวิธีอื่น เพราะการเดินทางไม่ได้มีเพียงจุดหมายปลายทางเท่านั้น แต่ยังมีประสบการณ์ระหว่างการเดินทางที่น่าจดจำอีกด้วย บทความนี้ จึงอยากชวนนักเดินทุกคนไปสำรวจเส้นทางเดินรถไฟที่น่าสนใจทั่วโลก พร้อมแนะนำสถานที่ท่องเที่ยวสวยๆ ที่คุณสามารถเช็กอินได้ในแต่ละเส้นทาง

เหตุผลที่ควรลองนั่งรถไฟเดินทางไปเที่ยว

เหตุผลที่ควรลองนั่งรถไฟเดินทางไปเที่ยว

รถไฟถือเป็นหนึ่งในยานพาหนะที่เป็นที่นิยมมากที่สุด เพราะเป็นการเดินทางที่สะดวกสบาย ง่ายดาย และราคาประหยัด อีกทั้งเส้นทางรถไฟยังมีความแปลกใหม่ และแตกต่างกันออกไปตามลักษณะของภูมิประเทศ ทำให้ได้บรรยากาศการเดินทางที่ไม่ซ้ำกัน การนั่งรถไฟเดินทางไปเที่ยวจึงเป็นทางเลือกที่น่าสนใจที่คุณต้องลองสักครั้งในชีวิต มาดูกันว่ามีเหตุผลดีๆ อะไรบ้างที่ควรลองนั่งรถไฟไปท่องเที่ยวตามแนวเส้นทางรถไฟ ซึ่งอาจเป็นเหตุผลที่ทำให้คุณตกหลุมรักการเดินทางด้วยรถไฟไปเลยก็ได้

1. ราคาเป็นมิตร

หากคุณคิดว่าการนั่งรถไฟเพื่อเดินทางไปเที่ยวตามสถานที่ต่างๆ เป็นการใช้เงินจำนวนมาก คุณอาจต้องคิดใหม่ เพราะราคาของการเดินทางด้วยรถไฟนั้นเป็นมิตรมาก ไม่ว่าจะเป็นเส้นทางในประเทศ หรือต่างประเทศ เช่น เส้นทางรถไฟธรรมชาติจากกรุงเทพฯ ไปกาญจนบุรี คุณสามารถซื้อตั๋วในราคาเพียง 100 บาท สำหรับที่นั่งปรับเอน หรือ 20 บาท สำหรับที่นั่งไม่ปรับเอน และยังได้รับส่วนลด 50% สำหรับนักเรียน นักศึกษา และผู้สูงอายุ

หากคุณอยากไปเที่ยวตามเส้นทางรถไฟในต่างประเทศ ราคาของตั๋วรถไฟก็ไม่ได้แพงมากจนเกินไป เช่น เส้นทางเดินรถไฟจากสวิสเซอร์แลนด์ไปอิตาลี คุณสามารถซื้อตั๋วในราคาเพียง 2,500 บาท สำหรับที่นั่งปรับเอน หรือ 3,500 บาท สำหรับที่นอนปรับเอน และยังได้ชมวิวที่สวยงามของทะเลหมอก ภูเขา และทุ่งหญ้าที่ไม่สามารถมองเห็นได้จากการเดินทางด้วยยานพาหนะประเภทอื่นๆ

2. เดินทางได้ทั่วประเทศ 

การเดินทางโดยรถไฟ ถือเป็นเรื่องปกติทั้งในไทยและต่างประเทศ ยิ่งประเทศในแถบยุโรปที่มีเส้นทางรถไฟเป็นจำนวนมาก ทำให้คุณสามารถเดินทางไปทั่วประเทศได้ด้วยรถไฟ ไม่ว่าจะเป็นภูมิภาคต่างๆ ที่มีความแตกต่างกันทั้งธรรมชาติ วัฒนธรรม และประวัติศาสตร์ ซึ่งในแต่ละเส้นทางรถไฟคุณจะได้เห็นความงดงาม ความหลากหลาย และความเป็นเอกลักษณ์ของแต่ละภูมิภาค นอกจากนี้ การเดินทางด้วยรถไฟยังมีความสะดวกสบาย มีราคาให้เลือกหลากหลายตามเส้นทางรถไฟที่ต้องการ อีกทั้งยังช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุจากการเดินทางได้อีกด้วย

3. เพื่อสร้างมิตรภาพ และประสบการณ์ใหม่ๆ

การเดินทางด้วยรถไฟ ไม่เพียงเป็นการพาตัวเองจากจุดหนึ่งไปยังอีกจุดหนึ่งเท่านั้น แต่ยังเป็นการสร้างมิตรภาพ และประสบการณ์ใหม่ๆ ที่น่าจดจำตลอดเส้นทาง คุณจะได้พบปะและสื่อสารกับคนใหม่ๆ ที่มีความสนใจ หรือมีเป้าหมายในการเดินทางที่เหมือนกัน ไม่ว่าจะเป็นคนไทย หรือคนต่างชาติ ตลอดจนการได้ชื่นชม หรือสัมผัสประสบการณ์กับสถานที่ใหม่ๆ ที่แตกต่างจากการนั่งรถทั่วไป หรือเครื่องบินอย่างแน่นอน

4. วิวสวยเติมพลังชีวิต

การเดินทางด้วยรถไฟทำให้คุณได้เห็นวิวทิวัศน์ที่พิเศษ มีความสวยงาม และมีเอกลักษณ์ที่เฉพาะตัวแตกต่างกันออกไป ไม่ว่าจะเป็นวิวเขา ท้องฟ้า ป่าไม้ ทุ่งกว้าง หรือทะเล ซึ่งวิวทิวทัศน์เหล่านี้ช่วยเติมเต็มความสุข และมอบประสบการณ์การเดินทางที่ไม่เหมือนใคร อีกทั้งวิวสวยๆ ที่ได้พบเห็นระหว่างทางยังสามารถถ่ายรูป หรือวิดีโอเก็บเอาไว้เป็นความทรงจำดีๆ ได้อีกด้วย

5. มีอาหารให้เลือกกินตลอดทาง

หลายคนอาจติดภาพจำของรถไฟไทยที่มักมีอาหารหาบเร่ขายตามสถานี หรือภาพจำวัยเด็กของใครหลายคนอย่างรถเข็นขายของบนรถไฟฮอกวอตส์ในภาพยนต์แฮร์รี่ พอตเตอร์ ซึ่งอาหารบนรถไฟเป็นอาหารที่โดดเด่น และมีรสชาติที่แตกต่างกันออกไปตามเส้นทางรถไฟของแต่ละประเทศ ทำให้การกินอาหารบนรถไฟกลายเป็นเรื่องสนุกสำหรับใครที่ชื่นชอบการลิ้มลองอาหารที่แปลกใหม่

พาส่อง! 12 เส้นทางรถไฟทั่วโลก พร้อมสถานที่ท่องเที่ยว

พาส่อง! 12 เส้นทางรถไฟทั่วโลก พร้อมสถานที่ท่องเที่ยว

การเดินทางด้วยรถไฟ เป็นวิธีการที่สะดวกสบาย ประหยัดเงิน และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ซึ่งบนโลกใบนี้มีเส้นทางรถไฟหลายแห่งที่มีความสวยงาม จนทำให้หลายคนอยากไปลองตามรอยสักครั้งในชีวิต วันนี้เราจะแนะนำให้คุณรู้จัก 13 เส้นทางรถไฟ วิวสวยระดับล้าน ที่ต้องไปให้ได้สักครั้งในชีวิต มาดูกันเลยว่ามีเส้นทางไหนบ้าง

Route 1 | Trans - Siberian Express

Route 1 | Trans – Siberian Express

เส้นทางรถไฟ Trans – Siberian Express คือ เส้นทางรถไฟที่ยาวที่สุดในโลกที่เชื่อมต่อระหว่างประเทศรัสเซีย และประเทศจีน มองโกเลีย และเกาหลีเหนือ ระยะทางรวมประมาณ 9,289 กิโลเมตรเป็นเส้นทางรถไฟที่มีอายุมากกว่า 100 ปี และถือเป็นหนึ่งในความภาคภูมิใจของประเทศรัสเซีย

วิธีการเดินทาง

การเดินทางด้วยรถไฟ Trans – Siberian Express มีหลายเส้นทางให้เลือก แต่สามารถแบ่งได้เป็น 3 เส้นทางรถไฟหลัก คือ Trans-Siberian ใช้เวลา 6 วัน, Trans-Mongolian ใช้เวลา 6 วัน และ Trans-Manchurian  ใช้เวลา 6 วัน เช่นกัน ซึ่งการเดินทางด้วยรถไฟ Trans – Siberian Express มีตั๋วรถไฟหลายระดับให้เลือก 3 ระดับ ดังนี้

  • ระดับ Hard Seat คือที่นั่งแบบไม่มีเบาะ และไม่มีห้องนอน ราคาประมาณ 200-300 USD
  • ระดับ Hard Sleeper คือที่นอนแบบมีเบาะ แต่ไม่มีประตู มี 6 ที่นอนในแต่ละตู้ ราคาประมาณ 400-600 USD
  • ระดับ Soft Sleeper คือที่นอนแบบมีเบาะ และมีประตู มี 4 ที่นอนในแต่ละตู้ ราคาประมาณ 800-1,200 USD

สถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญ

  • มอสโก (Moscow) เป็นเมืองหลวงและศูนย์กลางการเมือง วัฒนธรรม และเป็นเส้นทางรถไฟประวัติศาสตร์ของรัสเซีย 
  • คาซาน (Kazan) เป็นเมืองหลวงของสาธารณรัฐตาตาร์สถานในรัสเซีย มีวัฒนธรรมที่ผสมผสานระหว่างศาสนาคริสต์และอิสลาม
  • เยคาเตรินบุร์ก (Yekaterinburg) เป็นเมืองที่ตั้งอยู่ในเทือกเขาอูราล (Ural Mountains) ที่เป็นสถานที่ประหารชีวิตซาร์นิโคลัสที่ 2 และครอบครัวของเขา ในปี 1918 
  • ทะเลสาบไบคาล (Lake Baikal) เป็นทะเลสาบที่ลึกที่สุดในโลก และเป็นแหล่งน้ำจืดมากกว่า 20 เปอร์เซ็นต์ของโลก มีชื่อเรียกว่า “ไข่มุกแห่งไซบีเรีย” และเป็นมรดกโลกของยูเนสโก

Route 2 | West Highland Line

Route 2 | West Highland Line

เส้นทางรถไฟ West Highland Line คือ เส้นทางรถไฟที่อยู่ในประเทศสก็อตแลนด์ ซึ่งเชื่อมต่อระหว่างเมืองกลาสโกว์ และเมืองโอบาน ฟอร์ตวิลเลียม และมัลลาย ใช้เวลาในการเดินทางประมาณ 4-5 ชั่วโมง ที่พาดผ่านทิวทัศน์ที่สวยงาม และเป็นเอกลักษณ์ของสก็อตแลนด์ ไม่ว่าจะเป็นทุ่งหญ้า ป่าสน หรือทะเลสาบ

เส้นทางรถไฟ West Highland Line ถือว่าเป็นหนึ่งในเส้นทางรถไฟสวยที่สุด และมีความสำคัญอย่างมาก เพราะเป็นเส้นทางรถไฟที่มีประวัติศาสตร์ และความหมายที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนา และการเชื่อมเส้นทางรถไฟของประเทศสก็อตแลนด์ และประเทศใกล้เคียง โดยเริ่มก่อสร้างตั้งแต่ปี 1894 และเสร็จสมบูรณ์ในปี 1901 ทำให้เป็นเส้นทางรถไฟที่มีอายุมากกว่า 100 ปี

จุดเด่นของเส้นทางรถไฟ West Highland Line คือวิวทิวทัศน์ที่สวยงาม และเป็นเอกลักษณ์ ไม่ว่าจะเป็นวิวของทะเลสาบโลมอนด์ (Loch Lomond) ที่เป็นทะเลสาบที่ใหญ่ที่สุดในสก็อตแลนด์ หรือวิวสะพานรถไฟเกลนฟินแนน (Glenfinnan Viaduct) หรือสะพานรถไฟที่เราสามารถเห็นได้ในภาพยนตร์แฮร์รี่ พอตเตอร์

วิธีการเดินทาง

การเดินทางด้วยรถไฟ West Highland Line แบ่งได้เป็น 2 แบบหลัก คือ การเดินทางด้วยรถไฟปกติ และการเดินทางด้วยรถไฟที่ให้บริการโดยบริษัท West Coast Railways ที่จะให้คุณได้เดินทางด้วยรถไฟที่ยังใช้หัวรถจักรไอน้ำอยู่ ซึ่งมีชื่อเรียกว่า The Jacobite โดยราคาตั๋วแบบปกติจะอยู่ที่ 20-40 ปอนด์ และบริษัท West Coast Railways ราคาประมาณ 37-59 ปอนด์

สถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญ

  • มหาวิหารเซนต์ไจลส์ (St Giles’ Cathedral) เป็นมหารในเอดินบะระ (Edinburgh) ที่มีประวัติศาสตร์ยาวนาน และมีอายุมากกว่า 900 ปี
  • ปราสาทเอดินบะระ (Edinburgh Castle) เป็นปราสาทที่มีอายุมากกว่า 900 ปี และเป็นสถานที่เก็บรวบรวมศิลปะ และของมีค่าของราชวงศ์สก็อตแลนด์
  • ทะเลสาบโลมอนด์ (Loch Lomond) เป็นทะเลสาบที่ใหญ่ที่สุดในสก็อตแลนด์ และเป็นส่วนหนึ่งของอุทยานแห่งชาติโลมอนด์ มีวิวที่สวยงาม และมีสิ่งมีชีวิตประจำทะเลสาบมากมาย เช่น นก ปลา และสัตว์น้ำ คุณสามารถล่องเรือ ขี่จักรยาน หรือเดินป่ารอบทะเลสาบได้ 
  • สะพานรถไฟเกลนฟินแนน (Glenfinnan Viaduct) เป็นสะพานรถไฟที่สวยงาม และเป็นสัญลักษณ์ของภาพยนตร์แฮร์รี่ พอตเตอร์ ที่เห็นรถจักรไอน้ำวิ่งผ่าน สะพานมีความยาว 380 เมตร มีความสูง 30 เมตร และมีจำนวนช่วงทั้งหมด 21 ช่วง 

Route 3 | The Peru Rail

Route 3 | The Peru Rail

The Peru Rail เป็นเส้นทางรถไฟที่อยู่ในประเทศเปรู ซึ่งเป็นประเทศที่มีธรรมชาติสวยงาม และเป็นที่ตั้งของอารยธรรมอินคาโบราณ (Inca Empire) ที่มีเสน่ห์อันน่าค้นหา และเป็นเอกลักษณ์ของประเทศเปรู จุดเด่นของ The Peru Rail คือมีรถไฟหลายรุ่น หลายระดับให้เลือกตามความต้องการ และงบประมาณของคุณ ไม่ว่าจะเป็นรถไฟที่เน้นความสะดวกสบาย รถไฟที่เน้นความหรูหรา หรือรถไฟที่เน้นวิวธรรมชาติแบบ 360 องศา

วิธีการเดินทาง

เส้นทางรถไฟเปรูเรล (The Peru Rail) มีเที่ยวการเดินทางจากเมืองกุสโก (Cusco) ไปยังมาชูปิกชู (Machu Picchu) มากกว่า 23 เที่ยวในแต่ละวัน โดยตั๋วโดยสารราคาถูกสุดสำหรับนักท่องเที่ยวทั่วไป เรียกว่า Expedition มีราคา 63 USD และมีตั๋วโดยสารที่แพงที่สุดไปมาชูปิกชู เรียกว่า Hiram Bingham ราคา 482 USD นอกจากนี้ ยังมีส่วนลดค่าโดยสารสำหรับเด็กอายุต่ำกว่า 12 ปี และเด็กทารกอายุต่ำกว่า 3 ปีที่นั่งที่เดียวกับผู้ปกครองจะได้รับการยกเว้นค่าโดยสาร

สถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญ

มาชู ปิกชู (Machu Picchu) เส้นทางรถไฟเปรูมีจุดหมายปลายทางที่มาชู ปิกชู หรือเมืองโบราณของอารยธรรมอินคาที่ตั้งอยู่บนยอดเขาสูง มีวิวที่สวยงาม และเป็นสัญลักษณ์ของประเทศเปรู 

เมืองกุสโก (Cusco) เป็นเมืองที่มีความหลากหลายทางวัฒนธรรม และประวัติศาสตร์ มีสถาปัตยกรรมที่ผสมผสานระหว่างสไตล์อินคา และสไตล์โคโลเนียล

โคลคาแคนยอน (Colca Canyon) เป็นหุบเขาที่ลึกที่สุดในโลก มีความลึกถึง 3,400 เมตร มีวิวที่สวยงาม และเป็นที่อยู่ของนกแร้งคอนดอร์ (Andean condor) ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก 

Route 4 | Bergen Railway

Route 4 | Bergen Railway

Bergen Railway เป็นเส้นทางรถไฟที่อยู่ในประเทศนอร์เวย์ที่เชื่อมต่อระหว่างเมือง (Oslo) และเมืองเบอร์เกน (Bergen) ที่เป็นเมืองท่องเที่ยวชื่อดังของประเทศนี้ Bergen Railway มีความหลากหลายของธรรมชาติ และวัฒนธรรม คุณจะได้เห็นความงดงามของทะเลสาบ ฟยอร์ด (Fjord) เมือง และหมู่บ้านที่อยู่ริมทางรถไฟ 

วิธีการเดินทาง

คุณสามารถเดินทางระหว่างออสโลไปยังเบอร์แกนได้โดยรถไฟ ที่ใช้เวลาในการเดินทางประมาณ 6-7 ชั่วโมง และมีรถไฟออกจากสถานีทุกวัน โดยสามารถจองตั๋วรถไฟออนไลน์ผ่านทางเว็บไซต์ของบริษัทรถไฟ VY ที่เป็นผู้ให้บริการรถไฟในนอร์เวย์ หรือผ่านแอปมือถือของ VY ได้เช่นกัน โดยราคาตั๋วรถไฟ Bergen Railway จะขึ้นอยู่กับประเภทของตั๋วโดยสาร ซึ่งมีราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 15 ยูโร

สถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญ

  • เมืองออสโล เมืองหลวงของประเทศนอร์เวย์ ที่เป็นศูนย์รวมความเจริญทางเศรษฐกิจ แหล่งประวัติศาสตร์ และศิลปะวัฒนธรรมที่สำคัญของประเทศ และเป็นจุดแวะของเส้นทางรถไฟที่จะทำให้ได้เห็นสถาปัตยกรรมแบบเก่า และแบบใหม่ตั้งอยู่ร่วมกันอย่างลงตัว 
  • เมืองเบอร์เกน เมืองใหญ่เป็นอันดับ 2 รองจากออสโล และได้รับการแต่งตั้งให้เป็น 1 ใน 9 เมืองหลวงแห่งวัฒนธรรมของยุโรป ล้อมรอบไปด้วยขุนเขาอันยิ่งใหญ่ของ Seven Mountains (De syv fjell) และบ้านเมืองที่สวยงาม ไฮไลท์ของเมืองนี้ก็คือ Bryggen อาคารสีสันสดใสที่ตั้งอยู่ริมน้ำ

Route 5 | The TranzAlpine

Route 5 | The TranzAlpine

The TranzAlpine เป็นเส้นทางรถไฟที่อยู่ในประเทศนิวซีแลนด์ เชื่อมต่อระหว่างเมืองไครสต์เชิร์ช (Christchurch) และเมืองเกรย์เมาธ์ (Greymouth) ที่อยู่บนเกาะใต้ของประเทศนิวซีแลนด์ นอกจากเป็นทางรถไฟที่เดินทางสะดวกสบาย ปลอดภัย และรวดเร็วแล้ว ยังเป็นเส้นทางรถไฟสุดคลาสสิกที่จะทำให้คุณได้ชื่นชมวิวทิวทัศน์ที่สวยงาม และเป็นเอกลักษณ์ของประเทศนิวซีแลนด์

วิธีการเดินทาง

คุณสามารถจองตั๋วรถไฟออนไลน์ผ่านเว็บไซต์ของบริษัทรถไฟ KiwiRail Scenic Journeys ที่เป็นผู้ให้บริการรถไฟบนเส้นทางนิวซีแลนด์ หรือผ่านแอปมือถือของ KiwiRail ที่คุณสามารถใช้ในการซื้อและแสดงตั๋วรถไฟได้เลยโดยที่ไม่ต้องพิมพ์ตั๋ว หรือซื้อผ่านตู้ Kiosk โดยมีรถไฟออกจากสถานี Christchurch ไปยังสถานี Greymouth หนึ่งเที่ยวต่อวัน ในเวลา 8.15 น. และมีรถไฟออกจากสถานี Greymouth ไปยังสถานี Christchurch หนึ่งเที่ยวต่อวัน ในเวลา 13.45 น.

สถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญ

  • Arthur’s Pass National Park เป็นอุทยานแห่งชาติที่ใหญ่ที่สุดในเกาะใต้ของประเทศนิวซีแลนด์ มีธรรมชาติที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นภูเขา ป่าไม้ หรือธารน้ำแข็ง คุณจะได้เห็นวิวที่สวยงาม และมีเอกลักษณ์จากเส้นทางรถไฟแห่งนี้
  • เมืองเกรย์เมาธ์ (Greymouth) เป็นจุดหมายปลายทางของเส้นทางรถไฟ The TranzAlpine โดยเป็นเมืองที่อยู่ริมทะเล และเป็นประตูสู่การผจญภัยในเกาะใต้ของประเทศนิวซีแลนด์

Route 6 | The Ghan

Route 6 | The Ghan

The Ghan เป็นเส้นทางรถไฟที่อยู่ในประเทศออสเตรเลีย ที่เชื่อมต่อระหว่างเมืองแอดิแลด (Adelaide) และเมืองดาร์วิน (Darwin) จุดเด่นของการนั่งรถไฟ The Ghan คือการได้ชมวิวแสนงดงามของทุ่งหญ้า Flinders Ranges ที่เป็นที่อยู่ของสัตว์ป่าหลายชนิด และภูเขา MacDonnell Ranges อันกว้างใหญ่ที่อยู่ในภาคกลางของประเทศออสเตรเลีย 

วิธีการเดินทาง

วิธีการเดินทางโดยรถไฟ The Ghan คุณสามารถจองตั๋วรถไฟออนไลน์ผ่านเว็บไซต์ของบริษัทรถไฟ Journey Beyond Rail Expeditions ที่เป็นผู้ให้บริการรถไฟในออสเตรเลีย หรือผ่านเว็บไซต์ของบริษัทท่องเที่ยวอื่นๆ ที่มีความน่าเชื่อถือ เช่น KKday คุณสามารถเลือกเวลาออกเดินทางที่เหมาะสมกับคุณได้ โดยมีรถไฟออกจากสถานีแอดิแลด ไปยังสถานีดาร์วินหนึ่งเที่ยวต่อสัปดาห์ โดยแบ่งเป็นแพ็กเกจโกลด์เซอร์วิส (Gold Service) ราคาเริ่มต้นที่ 2,229 AUD และแพ็กเกจแพลทินัมเซอร์วิส (Platinum Service) ราคาเริ่มต้นที่ 3,699 AUD

สถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญ

  • เมืองแอดิแลด (Adelaide) เป็นจุดเริ่มต้นของเส้นทางเดินรถไฟ The Ghan ที่เป็นเมืองที่มีความสวยงาม และมีวัฒนธรรมที่หลากหลาย โดยมีสถานที่สำคัญหลายแห่ง เช่น สวนสาธารณะ (Adelaide Botanic Garden) เป็นต้น
  • อุทยานแห่งชาติ Nitmiluk เป็นอุทยานแห่งชาติขนาดใหญ่ และมีความสำคัญของประเทศออสเตรเลีย มีธรรมชาติหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นภูเขา ป่าไม้ หรือธารน้ำแข็ง
  • เมืองดาร์วิน (Darwin) เป็นจุดหมายปลายทางของเส้นทางรถไฟ The Ghan ที่เป็นเมืองที่อยู่ริมทะเลและมีความเป็นประตูสู่เกาะใต้ของประเทศออสเตรเลีย อีกทั้งยังมีสวนสาธารณะจอร์จ บราวน์ (George Brown Darwin Botanic Gardens) ที่มีพืชสวยงามมากกว่า 400 ชนิดให้ได้ชม

Route 7 | Cinque Terre

Route 7 | Cinque Terre

Cinque Terre เป็นเส้นทางรถไฟที่ผ่านหมู่บ้านสีสันริมทะเลอิตา ลีที่ตั้งอยู่ในแคว้นลิกูเรีย (Liguria) ซึ่งเป็นแคว้นที่เล็กที่สุดของประเทศอิตาลี Cinque Terre เป็นเส้นทางรถไฟที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม และธรรมชาติ ของประเทศอิตาลี โดยหมู่บ้านเหล่านี้มีอายุยาวนานกว่า 1,300 ปี และเป็นหมู่บ้านของชาวประมงที่คงความเป็นเอกลักษณ์ไว้มากที่สุด จุดเด่นของหมู่บ้านอยู่ที่สีสันอันฉูดฉาด และมีสถาปัตยกรรมที่เป็นเอกลักษณ์

วิธีการเดินทาง

Cinque Terre เป็นเส้นทางรถไฟท้องถิ่น หรือรถไฟส่วนภูมิภาค (Regional Train) ที่วิ่งผ่าน 7 สถานีหลัก ได้แก่ La Spezia, Riomaggiore, Manarola, Corniglia, Vernazza, Monterosso และ Levanto โดยตั๋วรถไฟมีราคาเริ่มต้น 5 ยูโร สำหรับผู้ใหญ่ และ 2.5 ยูโร สำหรับเด็ก อีกทั้งยังมีตั๋วแบบหนึ่งวัน (One Day Pass) สำหรับการเดินทางเชี่ยมชมมากกว่าหนึ่งหมู่บ้าน ในราคา 18 ยูโร

สถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญ

  • Monterosso al Mare เป็นหมู่บ้านที่ใหญ่และมีชื่อเสียงมากที่สุด และมีชายหาดที่สวยงาม ซึ่งคุณสามารถมองเห็นหมู่บ้านนี้ได้อย่างชัดเจนบนทางรถไฟ
  • Vernazza เป็นหมู่บ้านที่มีทำการประมงมากที่สุด มีท่าเรือเล็กๆ และบ้านเรือนสีสันตามชายเขา 
  • Corniglia เป็นหมู่บ้านที่ไม่ติดทะเล ตั้งอยู่บนเนินเขาที่สูง มีวิวทะเล และไร่องุ่นที่งดงาม 
  • Manarola เป็นหมู่บ้านที่มีสีสันหลากหลายมากที่สุด และเป็นจุดถ่ายรูปที่นิยมมากที่สุด 

Route 8 | Glacier Express

Route 8 | Glacier Express

เส้นทางรถไฟ Glacier Express เป็นอีกหนึ่งเส้นทางรถไฟสวยที่สุดที่เชื่อมต่อระหว่างเมืองเซอร์แมท (Zermatt) และเมืองเซนต์มอริตซ์ (St. Moritz) ในประเทศสวิตเซอร์แลนด์ เส้นทางรถไฟนี้มีความยาว 291 กิโลเมตร เป็นเส้นทางรถไฟที่มีประวัติศาสตร์ยาวนาน และเป็นสัญลักษณ์ของการท่องเที่ยวในประเทศสวิตเซอร์แลนด์ มีจุดเด่นอยู่ที่ ธรรมชาติรอบทิศทาง เช่น เขตภูเขาที่มีความสูงมากกว่า 2,000 เมตร และเป็นที่ตั้งของมัทเทอร์ฮอร์น (Matterhorn) ซึ่งเป็นภูเขาที่เป็นพรมแดนระหว่างประเทศสวิตเซอร์แลนด์ กับประเทศอิตาลี

วิธีการเดินทาง

รถไฟ Glacier Express มีการเดินทางทุกวันในฤดูร้อน และมีการเดินทางหนึ่งถึงสองขบวนต่อวันในช่วงฤดูหนาว โดยตารางเวลาของรถไฟสามารถดูได้ที่เซ็บไซต์ Glacier Express และเลือกเส้นทางจากเซอร์แมท ไปมอริตซ์ หรือจากมอร์ริตซ์ ไปเซอร์แมทได้ตามความสะดวก ซึ่งราคาของตั๋วรถไฟ Glacier Express เริ่มต้นที่ 159 ฟรังก์สวิตเซอร์

สถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญ

  • Oberalp Pass เป็นจุดสูงที่สุดที่เส้นทางรถไฟ Glacier Express ผ่าน มีความสูง 2,033 เมตร เหนือระดับน้ำทะเล คุณจะได้เห็นวิวภูเขา หิมะ และทะเลหมอกที่สวยงาม
  • Rhine Gorge เป็นหุบเขาที่มีความลึก มีแม่น้ำไหลผ่าน และได้ชื่อว่าเป็น “Grand Canyon ของสวิตเซอร์แลนด์”
  • Matterhorn เป็นภูเขาที่มีความสูง 4,478 เมตร เป็นสัญลักษณ์ของประเทศสวิตเซอร์แลนด์ และเป็นพรมแดนติดกับประเทศอิตาลี
  • Zermatt เป็นเมืองที่อยู่ที่ตั้งอยู่บริเวณด้านล่างของภูเขา Matterhorn และเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงในประเทศสวิตเซอร์แลนด์ 

Route 9 | The California Zephyr

Route 9 | The California Zephyr

เส้นทางรถไฟ The California Zephyr เป็นเส้นทางรถไฟที่อยู่ในประเทศสหรัฐอเมริกา คุณสามารถเดินทางด้วยรถไฟได้ทั้งในภาคตะวันออก และภาคตะวันตก รถไฟนี้เดินทางจากเมืองชิคาโก (Chicago) รัฐอิลลินอย (Illinois) ไปยังเมืองเอเมอรีวิลล์ (Emeryville) รัฐแคลิฟอร์เนีย (California) หรือจากเอเมอรีวิลล์ ไปยังชิคาโกได้ตามความสะดวก The California Zephyr เป็นเส้นทางรถไฟที่มีประวัติศาสตร์ยาวนาน และเป็นสัญลักษณ์ของการท่องเที่ยวในประเทศสหรัฐอเมริกา เริ่มให้บริการเมื่อปี 1949 โดยมีการร่วมมือของสามบริษัทรถไฟ คือ Chicago, Burlington and Quincy Railroad (CB&Q), Denver and Rio Grande Western Railroad (D&RGW), และ Western Pacific Railroad (WP)

วิธีการเดินทาง

รถไฟ The California Zephyr เป็นรถไฟที่อยู่บนเส้นทางที่เชื่อมต่อระหว่างเมืองชิคาโก ไปยังเมืองเอเมอรีวิลล์ หรือจากเอเมอรีวิลล์ ไปยังชิคาโก การเดินทางด้วยรถไฟ The California Zephyr สามารถจองล่วงหน้าได้ที่เว็บไซต์ The California Zephyr ราคาของตั๋วรถไฟขึ้นอยู่กับเส้นทาง และประเภทของที่นั่ง

  • ราคา 150 USD – 300 USD สำหรับที่นั่งธรรมดา
  • ราคา 700 USD – 1,300 USD สำหรับห้องนอนแบบห้องน้ำรวม (รวมอาหาร น้ำ และกาแฟ)
  • ราคา 1,400 USD – 2,300 USD สำหรับห้องนอนสำหรับครอบครัว (รวมอาหาร น้ำ และกาแฟ)
  • ราคา 1,600 USD – 3,300 USD สำหรับห้องนอน (รวมอาหาร น้ำ และกาแฟ)

สถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญ

  • Chicago เป็นเมืองที่เป็นจุดเริ่มต้น หรือจุดสิ้นสุดของเส้นทางรถไฟ The California Zephyr โดยสามารถชมเมือง สถาปัตยกรรมที่น่าสนใจ และสถานที่ท่องเที่ยวมากมาย
  • Rocky Mountains เป็นภูเขาที่มีชื่อเสียงในอเมริกา และเป็นที่ตั้งของ Rocky Mountain National Park 
  • Denver เป็นเมืองที่อยู่บริเวณด้านล่างของภูเขา Rocky Mountains และเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงในอเมริกา เมืองนี้มีบรรยากาศที่สดใส และมีสถานที่ท่องเที่ยวมากมายตัดผ่านสองข้างทางรถไฟ
  • Moffat Tunnel เป็นอุโมงค์รถไฟที่ยาวที่สุดในอเมริกา มีความยาว 9.6 กิโลเมตร และเป็นทางลัดผ่านภูเขา Rocky Mountains

Route 10 | The Centovalli Railway

Route 10 | The Centovalli Railway

เส้นทางรถไฟ The Centovalli Railway เป็นเส้นทางรถไฟที่อยู่ในประเทศสวิตเซอร์แลนด์ และประเทศอิตาลี โดยเดินทางจากเมืองโลการ์โน (Locarno) ในเขตปกครองติชิโน (Ticino) ของสวิตเซอร์แลนด์ ไปยังเมืองโดโมดอสโซลา (Domodossola) ในภาคเหนือของอิตาลี The Centovalli Railway เป็นเส้นทางรถไฟที่มีประวัติศาสตร์ยาวนาน และเป็นสัญลักษณ์ของการท่องเที่ยวในยุโรป โดยเส้นทางนี้เริ่มเปิดให้บริการเมื่อปี 1923 ภายใต้การร่วมมือของบริษัทรถไฟสวิตเซอร์แลนด์และอิตาลี 

วิธีการเดินทาง

เส้นทางรถไฟ The Centovalli Railway เชื่อมต่อระหว่างเส้นทางประเทศสวิสเซอร์แลนด์และประเทศอิตาลี สามารถเลือกเดินทางจากโลการ์โน หรือโดโมดอสโซลาก็ได้ โดยเลือกซื้อตั๋วได้ง่ายๆ ผ่านเว็บไซต์ Tickets public transport | Switzerland  ซึ่งเป็นตั๋ว Swiss Travel Pass (Flex) ที่ครอบคลุมการเดินทางด้วยรถไฟ The Centovalli Railway หรือสามารถซื้อตั๋วแบบเที่ยวเดียว หรือตั๋วแบบไปกลับได้ที่เว็บไซต์ Ferrovia Vigezzina Centovalli โดยราคาเริ่มต้นของตั๋วโดยสารอยู่ที่ 18 ฟรังก์สวิตเซอร์

สถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญ

  • Locarno เป็นเมืองที่เป็นจุดเริ่มต้น หรือจุดสิ้นสุดของเส้นทางรถไฟ The Centovalli Railway คุณจะได้เห็นวิวทะเลสาบ Maggiore ที่เป็นทะเลสาบที่ใหญ่ที่สุดในประเทศสวิตเซอร์แลนด์
  • Domodossola เป็นเมืองที่เป็นจุดเริ่มต้น หรือจุดสิ้นสุดของเส้นทางรถไฟ The Centovalli Railway ภายในเมืองมีสถาปัตยกรรมที่น่าสนใจ และมีสถานที่ท่องเที่ยวมากมาย เช่น ตลาดสด วัด และปราสาท

Route 11 | Mittenwald Railway

Route 11 | Mittenwald Railway

เส้นทางรถไฟ Mittenwald Railway เป็นเส้นทางรถไฟที่อยู่ในประเทศออสเตรีย และประเทศเยอรมนี โดยมีจุดเริ่มต้นจากเมืองอินส์บรุค (Innsbruck) ในรัฐทีโรล (Tyrol) ของออสเตรีย ไปยังเมืองการ์มิช-พาร์เทินเคียร์เชิน (Garmisch-Partenkirchen) ในรัฐบาวาเรีย (Bavaria) ของเยอรมนีได้ เส้นทางรถไฟ Mittenwald Railway ถูกสร้างขึ้นในช่วงปี 1910-1912 ซึ่งถือเป็นเส้นทางรถไฟที่มีความสำคัญทางเทคโนโลยี และเป็นสัญลักษณ์ของความร่วมมือระหว่างประเทศออสเตรียและเยอรมนี

วิธีการเดินทาง

การเดินทางด้วยรถไฟ Mittenwald Railway สามารถเดินทางได้ทั้งจากฝั่งตะวันออกและฝั่งตะวันตก โดยราคาของตั๋วรถไฟ Mittenwald Railway จะขึ้นอยู่กับเส้นทางและชั้นโดยสาร ยกตัวอย่างที่นั่งแบบธรรมดา สำหรับเส้นทางการ์มิช-พาร์เทินเคียร์เชิน ไปยังอินส์บรุค ราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 19.90 ยูโร ต่อคน และเส้นทางอินส์บรุค ไปยังการ์มิช-พาร์เทินเคียร์เชิน ราคา 22.90 ยูโร ต่อคน

สถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญ

  • Innsbruck เป็นเมืองที่เป็นจุดเริ่มต้น หรือจุดสิ้นสุดของเส้นทางรถไฟ Mittenwald Railway 
  • Mittenwald เป็นเมืองที่เป็นเมืองเล็กๆ ที่มีบ้านที่มีลายสีสัน และมีพิพิธภัณฑ์เครื่องดนตรี พร้อมกับการได้ชื่นชมวิวเมืองที่มีความเป็นเอกลักษณ์ และมีบรรยากาศที่อบอุ่น
  • Garmisch-Partenkirchen เป็นเมืองที่เป็นเมืองชายภูเขาที่มีชื่อเสียงในเยอรมนี และเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงแห่งหนึ่งของยุโรป

Route 12 | Semmering Railway

Route 12 | Semmering Railway

เส้นทางรถไฟ Semmering Railway เป็นเส้นทางรถไฟที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ และวิศวกรรมรถไฟ เพราะเป็นเส้นทางรถไฟภูเขาแห่งแรกในยุโรปที่สร้างด้วยรางมาตรฐาน อีกทั้งยังเป็นเส้นทางรถไฟที่เผชิญกับภูมิประเทศที่มีความลาดชัน และความสูงต่างกันมาก โดยเส้นทางแห่งนี้ถูกสร้างขึ้นระหว่างปี 1848 ถึง 1854 เป็นเส้นทางรถไฟที่อยู่ในประเทศออสเตรีย โดยมีเส้นการเดินทางจากเมืองกล็อกนิทซ์ (Gloggnitz) ในรัฐนีเดอร์เอิสเตอร์ไรช์ (Lower Austria) ไปยังเมืองเมิร์ซซุชลาก (Mürzzuschlag) ในรัฐสตีเรีย (Styria) 

วิธีการเดินทาง

รถไฟ Semmering Railway เป็นรถไฟที่เชื่อมต่อเส้นทางระหว่างรัฐในประเทศออสเตรีย คุณสามารถเดินทางได้ทั้งในภาคตะวันตกและภาคตะวันออก โดยราคาของตั๋วรถไฟ Semmering Railway ในชั้นธรรมดาสำหรับเส้นทางเมิร์ซซุชลาก ไปยังกล็อกนิทซ์ ราคาเริ่มต้น 9.90 ยูโร ต่อคน และสำหรับเส้นทางกล็อกนิทซ์ ไปยังเมิร์ซซุชลาก ราคาเริ่มต้น 11.90 ยูโร ต่อคน 

สถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญ

  • Gloggnitz เป็นเมืองที่เป็นจุดเริ่มต้นของเส้นทางรถไฟ Semmering Railway ภายในเมืองมีสถานที่สำคัญอย่างโบสถ์ หรือปราสาทที่เก่าแก่ เช่น Schloss Gloggnitz 
  • Semmering เป็นเมืองชานภูเขาที่มีชื่อเสียงในออสเตรีย และเป็นสถานที่เล่นสกีที่มีชื่อเสียง
  • Mürzzuschlag เป็นเมืองที่เป็นจุดสิ้นสุดของเส้นทางรถไฟ Semmering Railway ภายในเมืองมีสถานที่สำคัญ และพิพิธภัณฑ์ที่น่าสนใจ เช่น Südbahn Museum ที่เป็นพิพิธภัณฑ์ที่จัดแสดงเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ของรถไฟในประเทศออสเตรีย

สรุป

เส้นทางรถไฟวิวสวยที่คุณต้องไปให้ได้สักครั้งในชีวิต ไม่ว่าจะเป็นทางรถไฟที่ตัดผ่านทางภูเขา หุบเขา ป่าไม้ น้ำตก หรือทะเลสาบ คุณจะได้เห็นความงดงามของธรรมชาติที่น่าตื่นตาตื่นใจ อีกทั้งยังได้เห็นวัฒนธรรม และประวัติศาสตร์ของแต่ละประเทศที่รถไฟได้เดินทางไป นอกจากนี้ การเดินทางด้วยรถไฟถือว่าเป็นวิธีที่ง่าย และสะดวกต่อการเดินทางมาก แต่ก่อนที่จะเดินทาง ควรศึกษาเส้นทางการเดินรถไฟให้เรียบร้อยก่อน เพื่อที่จะได้วางแผนการเดินทางได้อย่างราบรื่น