fbpx

การท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ เทรนการท่องเที่ยวแบบใหม่ ไม่ทำร้ายธรรมชาติและโลกของเรา

เชื่อว่าใครหลายๆ คนคงเคยได้ยินคำว่าการท่องเที่ยวเชิญอนุรักษ์ (Ecotourism) ผ่านหูมาบ้าง เพราะว่ากระแสของการเที่ยวเชิงอนุรักษ์ในปัจจุบันนั้นก็เป็นที่นิยมไม่แพ้กับการเที่ยวเชิงสุขภาพ เรียกได้ว่าเป็นที่นิยมแบบไม่มีใครยอมใคร ดังนั้น ในบทความนี้จะพาทุกคนไปทำความรู้จักกับการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ พร้อมแนะนำสถานที่ท่องเที่ยวเชิญอนุรักษ์ใกล้กรุงเทพฯ ที่ทุกคนไม่ควรพลาด โดยแต่ละสถานที่จะน่าท่องเที่ยวแค่ไหน ไปดูกันเลย!

การท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์คืออะไร?

การท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์คืออะไร?

การท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ หรือการท่องเที่ยวเชิงนิเวศ หมายถึง การท่องเที่ยวที่คำนึงถึงแหล่งธรรมชาติ หรือแหล่งวัฒนธรรมอันมีความเกี่ยวเนื่องกับระบบนิเวศของสถานที่นั้นๆ โดยที่ไม่ก่อให้เกิดการรบกวน หรือความเสียหายต่อธรรมชาติ หรือระบบนิเวศ ในขณะเดียวกันยังเป็นการช่วยส่งเสริมวิถีชุมชนโดยรอบให้มีคุณภาพชีวิต หรือคุณภาพสิ่งแวดล้อมที่ดียิ่งขึ้น นับเป็นกระแสการท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมในปัจจุบัน โดยมีจุดเด่นตรงที่นอกจากจะเป็นรูปแบบการท่องเที่ยวลักษณะหนึ่งแล้ว ยังช่วยส่งเสริมให้คุณภาพชีวิตและคุณภาพสิ่งแวดล้อมของท้องถิ่นได้เป็นอย่างดี ไม่ว่าจะเป็นธรรมชาติ วัฒนธรรมท้องถิ่น หรือกลุ่มคนในท้องถิ่น ให้มีความมั่นคง และยั่งยืนมากยิ่งขึ้น

การท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์มีวิธีอย่างไรบ้าง?

การท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์มีวิธีอย่างไรบ้าง?

ถ้าหากพูดถึงการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ หลายๆ คนอาจจะยังมองไม่เห็นภาพมากนัก แต่ถ้าหากพูดให้เห็นภาพมากที่สุดก็อาจจะเปรียบเสมือนการท่องเที่ยวในลักษณะเดินป่า แต่ก็ต้องลดอัตราการเกิดของขยะ หรือสิ่งที่อาจจะส่งผลเสียต่อธรรมชาติ อย่างเช่น

  • วางแผนการเดินทางอย่างรัดกุม เพื่อช่วยประหยัดปริมาณน้ำมัน
  • จัดกระเป๋า โดยเน้นปริมาณของที่จำเป็น เพื่อสะดวกต่อการเคลื่อนย้าย
  • ลดอุปกรณ์ที่อาจจะก่อให้เกิดผลเสียต่อธรรมชาติ เช่น ทิชชู่เปียก หรือพลาสติกต่างๆ
  • พกภาชนะใส่อาหารไปเอง เพื่อลดการใช้ภาชนะที่ก่อให้เกิดผลกระทบต่อธรรมชาติ
  • พกถุงขยะส่วนตัวไปเอง เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดขยะในบริเวณดังกล่าวที่อาจจะส่งผลกระทบต่อธรรมชาติ หรือสัตว์ที่อาศัยในบริเวณใกล้เคียง
  • หลีกเลี่ยงการขีดเขียน หรือทำสัญลักษณ์ใดๆ ลงบนต้นไม้ โขดหิน หรือโบราณวัตถุต่างๆ
  • หลีกเลี่ยงการนำสิ่งของจากธรรมชาติติดไม้ติดมือกลับบ้าน
  • สนับสนุนธุรกิจชุมชน เพื่อก่อให้เกิดการหมุนเวียนรายได้ของคนในพื้นที่

การท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์มีประโยชน์ยังไง

การท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์มีประโยชน์ยังไง?

จากที่กล่าวมาข้างต้นนั้นจะพบว่าการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ที่นอกจากจะช่วยรักษา และดำรงไว้ซึ่งระบบนิเวศ และธรรมชาติ ณ สถานที่แห่งนั้นแล้ว การเที่ยวเชิงอนุรักษ์เองนั้นก็ส่งผลให้เกิดการกระตุ้นเศรษฐกิจบริเวณชุมชนใกล้เคียง นับว่าเป็นการกระจายรายได้สู่ชุมชน อีกทั้งยังช่วยสร้างจิตสำนึกที่ดีของนักท่องเที่ยวต่อการดูแลรักษาระบบนิเวศ และธรรมชาติจากการร่วมด้วยช่วยกันลดปัจจัยที่อาจจะส่งผลกระทบโดยตรงกับธรรมชาติ เช่น การลดปริมาณการใช้พลาสติก หรือไม่ทิ้งขยะในแหล่งธรรมชาติ นอกจากนี้นักท่องเที่ยวเองก็จะได้เรียนรู้ความสำคัญของธรรมชาติผ่านกระบวนการการศึกษาระบบนิเวศอีกด้วย

7 สถานที่ท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ใกล้กรุงเทพ

7 สถานที่ท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ใกล้กรุงเทพ

ถ้าหากใครที่กำลังสนใจ หรืออยากเริ่มการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ สามารถเริ่มได้จากบริเวณรอบๆ กรุงเทพฯ ได้ โดย 7 สถานที่ท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ใกล้กรุงเทพฯ จะมีสถานที่ใดบ้าง เตรียมตัวจดลิสต์ไว้ และสุดสัปดาห์นี้ก็ไปลุยกันเลย

1. น้ำตกผากล้วยไม้ – น้ำตกเหวสุวัต ณ อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่

น้ำตกผากล้วยไม้ – น้ำตกเหวสุทัต ที่อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่นั้นเป็นเส้นทางศึกษาธรรมชาติที่ถูกเชื่อมระหว่างสองน้ำตกเข้าไว้ด้วยกัน ถ้าหากใครเป็นคนที่ชอบเที่ยวน้ำตกนับว่าเป็นเส้นทางที่ไม่ควรมองข้าม เพราะตลอดเส้นทางทุกคนจะได้เดินลัดเลาะไปตามห้วยลำตะคอง สลับกับป่าดิบ-แล้ง คลอด้วยเสียงน้ำตกที่ดึงกึกก้องไปทั่วอาณาบริเวณในฤดูฝน แต่ถ้าไปเที่ยวในฤดูแล้งนั้นทุกคนก็จะพบกับร่องรอยการไหลรวมตัวกันของหินลาวาภูเขาไฟเมื่อหลายร้อยปีก่อน อีกทั้งยังได้พบกับดอกไม้นานาพันธุ์ เช่น หวายแดง ที่เป็นที่มาของชื่อน้ำตกที่ผลิดอกบานสะพรั่งอวดช่อสีแดงตลอดช่วงเดือนเมษายน รวมถึงสัตว์ป่านานาชนิดที่ออกมาหากินทั่วบริเวณ

2. ศูนย์การเรียนรู้การท่องเที่ยวเชิงนิเวศ ททท. อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา

ศูนย์การเรียนรู้การท่องเที่ยวเชิงนิเวศ ททท. อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา เป็นสถานที่ท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ที่ตั้งอยู่บนพื้นที่ราวๆ 140 ไร่ โดยมีภูมิศาสตร์เป็นทุ่งหญ้าพื้นราบขนาดใหญ่สลับกับเนิน สามารถรองรับทุกกิจกรรมของนักท่องเที่ยวได้เป็นอย่างดี ไม่ว่าจะเป็นการปลูกป่า วิ่ง ปั่นจักรยาน Mountain Bike และกิจกรรมอื่นๆ อีกมากมายที่พร้อมจะมอบความสนุกให้กับทุกคน แถมยังโอบล้อมไปด้วยธรรมชาติของขุนเขา และป่าไม้แห่งเขาใหญ่ อีกทั้งยังช่วยกระจายรายได้สู่ท้องถิ่นอีกด้วย

3. ทุ่งโปร่งทอง จังหวัดระยอง

สถานที่ท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์อย่างทุ่งโปร่งทอง จังหวัดระยอง เป็นที่เที่ยวเชิงอนุรักษ์ที่เหมาะกับสายถ่ายรูปเป็นอย่างมาก เพราะทุกคนจะได้รูปสวยๆ ราวกับเดินอยู่บนทุ่งดอกไม้สีทองจากต้นโปรง เมื่อถูกแสงแดดสะท้อนกระทบลงมาจนกลายเป็นสีทองระยิบระยับทั่วอาณาบริเวณ จนกลายเป็นที่มาของชื่อทุ่งโปรงทองนั่นเอง ซึ่งตั้งอยู่บนพื้นที่ราวๆ 6,000 ไร่ และตลอดเส้นทางที่ถูกปูทางด้วยไม้ระแนงทอดยาวไปกับแนวป่าชายเลนที่แสนอุดมสมบูรณ์ พร้อมกับโอบล้อมด้วยแมกไม้นานาพรรณ เหมาะสำหรับคนที่ต้องการศึกษาระบบนิเวศของป่าชายเลนเป็นอย่างมาก

4. สวนศรีนครเขื่อนขันธ์ บางกระเจ้า จังหวัดสมุทรปราการ

สวนศรีนครเขื่อนขันธ์ บางกระเจ้า จังหวัดสมุทรปราการ เป็นสถานที่ท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ที่หลายๆ คนอาจจะรู้จักกันดีในนามของ “ปอดของคนกรุงเทพฯ” ถือเป็นที่ท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ที่มีความอุดมสมบูรณ์ไปด้วยแมกไม้นานาพรรณ บนพื้นที่มากกว่า 148 ไร่ ที่โอบล้อมไปด้วยต้นไม้ใหญ่ จึงทำให้มีแต่ความร่มรื่น เหมาะสำหรับการพักผ่อนหย่อนใจ นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมต่างๆ มากมายรองรับให้นักท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ เช่น ปั่นจักรยาน ชมนกที่หอส่องนก เดินศึกษาธรรมชาติ พายเรือคายัคชม ให้อาหารปลา ออกกำลังกาย และกิจกรรมอื่นๆ อีกมากมาย

5. ศูนย์บริการนักท่องเที่ยว – น้ำตกกองแก้ว จังหวัดนครศรีธรรมราช

ศูนย์บริการนักท่องเที่ยว – น้ำตกกองแก้ว จังหวัดนครศรีธรรมราช นับว่าเป็นที่ท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ และเส้นทางเดินป่าระยะใกล้ และมีสภาพการเดินทางสะดวก เหมาะสำหรับนักเดินป่าทุกเพศทุกวัย ลักษณะภูมิศาสตร์จะเป็นในลักษณะป่าดิบชื้นสลับกับป่าดิบแล้งที่อุดมสมบูรณ์ โดยจะเหล่าแมกไม้นานาพันธุ์ที่มีลักษณะเป็นไม้กฤษณา หรือไม้หอม และสัตว์น้อยใหญ่อีกมากมาย ซึ่งจุดหมายปลายทางก็จะพบกับน้ำตกกองแก้วที่พร้อมมอบความชุ่มฉ่ำที่เหมาะกับการศึกษาระบบนิเวศอีกด้วย

6. สะพานทุ่งนามุ้ย จังหวัดนครนายก

สะพานทุ่งนามุ้ย จังหวัดนครนายก เป็นสถานที่ท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ที่ถูกรายล้อมไปด้วยทุ่งนาสีเขียว ที่พร้อมให้ทุกคนได้เรียนรู้วิถีชีวิตของคนในชุมชน โดยจุดดึงดูดนักท่องเที่ยวของสะพานทุ่งนามุ้ย คือ สะพานไม้ที่ทอดยาวสุดลูกตากลางทุ่งนาที่เขียวขจี ไม่ว่าใครที่แวะเวียนมาก็ต้องถ่ายรูปลงโซเชียลอย่างแน่นอน นอกจากนั้นยังมีคาเฟ่ให้ได้นั่งพักผ่อน รับลม และชมธรรมชาติจากทุ่งนา พร้อมดื่มด่ำปล่อยใจไปกับเครื่องดื่มแก้วโปรด แถมยังสามารถสนับสนุนสินค้าจากคนในพื้นที่ หรือเกษตรกรได้ที่โซนของฝากที่มีให้ทุกคนได้เลือกสรรอย่างมากมาย

ที่เที่ยว อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ Rancho Charnvee Resort and Country Club

7. อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่

อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ เป็นสถานที่ท่องเที่ยงเชิงอนุรักษ์ที่เป็นผืนป่ามรดกโลกใกล้กรุงเทพฯ แดนสวรรค์ของนักเดินป่า บนพื้นที่กว่า 2,168 ตารางกิโลเมตร ครอบคลุมพื้นที่มากกว่า 4 จังหวัด ได้แก่ สระบุรี นครราชสีมา นครนายก และปราจีนบุรี นับเป็นสถานที่ที่เหมาะกับการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์เป็นอันดับต้นๆ โดยเป็นสถานที่ที่ก่อให้เกิดแหล่งต้นน้ำลำธารหลายสาย อีกทั้งยังเป็นบ้านหลังใหญ่ของเหล่าสัตว์ป่านานาชนิด รวมถึงแมกไม้นานาพรรณเปรียบเสมือนโรงเรียนของนักท่องเที่ยวที่ต้องการเข้ามาศึกษาธรรมชาติ หรือระบบนิเวศ อีกทั้งยังสามารถทำกิจกรรมได้หลากหลาย เช่น ดูดาว ส่องสัตว์ ศึกษาเส้นทางธรรมชาติ ตั้งแคมป์ หรือกิจกรรมอื่นๆ อีกมากมายที่เกี่ยวข้องกับธรรมชาติ และถ้าหากใครเหนื่อยจากการเดินศึกษาธรรมชาติ สามารถแวะเข้ามาใช้บริการ Rancho Charnvee Resort and Country Club ได้ เพราะนอกจากจะได้รับการบริการระดับ 5 ดาวแล้ว ยังมีกิจกรรมมากมายรองรับทุกความต้องการของทุกคนในครอบครัว ไม่ว่าจะเป็นขี่ม้า ตีกอล์ฟ หรือขี่จักรยานในที่พักสไตล์ยุโรปที่จะทำให้ทุกคนได้รับประสบการณ์พักผ่อนที่เหนือระดับ

 

เนื่องด้วยกระแสของการตระหนักรู้ถึงเรื่องภาวะโลกร้อนในปัจจุบัน ที่ส่งผลอย่างไรต่อการใช้ชีวิตประจำวันของผู้คน ทำให้การท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์นับเป็นอีกหนึ่งเทรนที่กำลังมาแรงในปัจจุบัน เพราะด้วยเป็นการท่องเที่ยวรูปแบบหนึ่งที่เราเดินทางไปยังแหล่งท่องเที่ยว โดยก่อให้เกิดการรบกวน หรือทำความเสียหายให้แก่ธรรมชาติน้อยที่สุด และการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ยังเป็นการส่งเสริมชุมชนโดยรอบไปในตัวอีกด้วย ดังนั้น จึงอยากเชิญชวนทุกคนให้ลองหันมาท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์กันให้มากขึ้น โดยอาจจะเริ่มจากสถานท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ที่ได้แนะนำไปในบทความนี้ เพราะการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์นั้นจะช่วยรักษาธรรมชาติให้อยู่กับทุกคนไปได้อีกนานแสนนาน