fbpx

21 ที่เที่ยวในกรุงเทพ ใกล้สถานีรถไฟฟ้า เดินทางสะดวก สร้างคอนเทนต์ไม่สะดุด

การเที่ยวในกรุงเทพนั้น ฟังแล้วอาจจะไม่สะดวก เพราะต้องฝ่าฟันกับรถที่แสนจะติด และรอนานเป็นเวลาเกือบชั่วโมงกว่าจะไปได้ในแต่ละที่ อย่างไรก็ตาม ยังมีที่เที่ยวกรุงเทพในบริเวณใกล้เคียงกับสถานีรถไฟฟ้า และยังเป็นที่เที่ยวในกรุงเทพที่มีจุดเด่นอันน่าสนใจ เหมาะกับไลฟ์สไตล์ความชอบของคนที่ไม่ชอบรถติด สำหรับคนที่ชอบสถานที่ใหม่ๆ หรือเป็นสายท่องเที่ยว สายรีวิว การเที่ยวใกล้สถานีรถไฟฟ้า ถือเป็นทางเลือกเอาไว้ถ่ายรูปสวยๆ สร้างคอนเทนต์ลงโซเชียลได้มากมาย

โดยเราได้รวบรวม 21 สถานที่ท่องเที่ยวในกรุงเทพที่ใกล้สถานีรถไฟฟ้า เอาใจคนไม่มีรถส่วนตัว หรือไม่อยากเผชิญกับปัญหารถติด เพื่อให้ได้เที่ยวกันแบบไม่มีสะดุด นอกจากนี้ ทุกคนอาจได้ความรู้ มุมมองทางความคิด หรือความประทับใจใหม่ๆ ในการเที่ยวกรุงเทพอีกด้วย ไม่เสียเวลาพูดพร่ำทำเพลง จะมีที่ไหนที่น่าเที่ยวบ้าง ลองไปเลือกเที่ยวตามกันได้จากบทความนี้เลย

1. ไอคอนสยาม 

1. ไอคอนสยาม 

ไอคอนสยามเป็นสถานที่ท่องเที่ยวกรุงเทพที่เหมาะกับการช็อปปิง เพราะเป็นห้างสรรพสินค้าที่มีเสื้อผ้าแฟชั่นมากมายสำหรับวัยรุ่น วัยผู้ใหญ่ มีสินค้าต่างๆ ให้เลือก มีซูเปอร์มาร์เก็ตและร้านอาหาร อีกทั้งยังมีหลากหลายโซนให้ได้เดินชม รับบรรยากาศที่เย็นๆ เหมาะกับคนที่อยากเข้ามาผ่อนคลายในวันหยุดจากการทำงาน การเรียน ด้วยการมาเดินเล่น ช็อปปิง รับประทานอาหารที่แสนอร่อย หรือรับชมภาพยนตร์ก็ทำได้


นอกจากนี้ ยังมีมุมสวยๆ ให้ได้ถ่ายรูป และมีโซนต่างๆ ให้ได้เพลิดเพลิน เช่น โซนสุขสยาม ที่เป็นโซนเกี่ยวกับวัฒนธรรมไทย การแสดงพื้นบ้าน และอาหารไทย หรือโซนทัศนานคร เทอเรซ ที่เป็นโซนติดกับริมแม่น้ำเจ้าพระยา ให้ได้นั่งชมวิวที่สวยงามในยามค่ำคืน ควบคู่ไปกับการรับประทานอาหารจากหลากหลายเชื้อชาติ เป็นต้น ไอคอนสยาม จึงนับว่าเป็นสถานที่ท่องเที่ยวในกรุงเทพที่น่าสนใจ และไม่ควรพลาด

จุดเด่นของไอคอนสยาม คือ เป็นสถานที่เที่ยวกรุงเทพที่มีพื้นกว้างใหญ่ริมแม่น้ำเจ้าพระยากว่า 750,000 ตารางเมตร โดยเฉพาะในช่วงค่ำคืน สามารถทำกิจกรรมโดยการนั่งเรือชมบรรยากาศต่างๆ บริเวณโดยรอบเพื่อสัมผัสถึงความสวยงามอลังการของแสงสี สายน้ำ และลมเย็น รวมถึงยังมีพื้นที่ในการทำกิจกรรมอื่นๆ เช่น 

  • ลานเมืองสุขสยาม กิจกรรมการแสดงเอกลักษณ์วัฒนธรรมไทย
  • The Iconic Multimedia Water Features กิจกรรมการแสดงระบำน้ำผุ ที่ประกอบไปด้วย แสง สี เสียง อันสวยงาม
  • ทรูไอคอน ฮอลล์ ศูนย์การประชุมและโรงมหรสพอเนกประสงค์

การมาที่ไอคอนสยาม สามารถเดินทางได้ด้วยรถไฟฟ้า BTS ดังนี้

  1. นั่งรถไฟฟ้า BTS สายสีสม สถานีปลายทางบางหว้ามาลงที่สถานีกรุงธนบุรี ซึ่งเป็นสถานีเชื่อมต่อกับรถไฟฟ้าสายสีทอง
  2. เมื่อลงจากสถานีกรุงธนบุรีแล้ว เลือกทางออกที่ 3 และ 4  
  3. เมื่อเลือกทางออกที่ 3 และ 4 แล้ว ให้เดินตรงไปทางด้านฝั่งซ้ายมือ เนื่องจากเป็นทางเชื่อมไปขึ้นรถไฟฟ้าสายสีทอง แต่ขอแอบกระซิบว่าต้องซื้อบัตรโดยสารใหม่สำหรับขึ้นรถไฟฟ้าสายสีทองนะ
  4. ต่อมานั่งรถไฟฟ้าสายสีทองมาลงที่สถานีเจริญนคร
  5. เมื่อนั่งรถไฟฟ้าสายสีทองมาถึงสถานีเจริญนครแล้ว ให้ทำการเลือกออกในทางออกที่ 2 และ3 เนื่องจากมีทางเดินเชื่อมเข้าไปในไอคอนสยามได้เลย

หากใครต้องการเดินทางด้วยเรือ สามารถนั่งรถไฟฟ้า BTS สายสีลมมาลงที่สถานีสะพานตากสิน จากนั้นเดินไปขึ้นเรือที่ท่าเรือสาทรต่อไปยังไอคอนสยามก็ทำได้เช่นกัน

พิกัด: ICONSIAM

เวลาเปิด-ปิด: เปิดทุกวัน เวลา 10:00 – 22:00 น.

2. สวนจตุจักร

2. สวนจตุจักร

สวนจตุจักรเป็นสถานที่ท่องเที่ยวกรุงเทพยอดนิยม เหมาะกับคนที่มีไลฟ์สไตล์ชื่นชอบความเงียบสงบ หรือรักธรรมชาติ เพราะเป็นสวนสาธารณะที่ปกคลุมไปด้วยต้นไม้เขียวขจี มีบรรยากาศเย็นสบาย ร่มรื่น เหมาะกับการพักผ่อนหย่อนใจ นั่งเล่นได้ในยามว่าง หรือสามารถวิ่งออกกำลังกายเพื่อสุขภาพที่ดี

จุดเด่นของสวนจตุจักร คือ เป็นสวนสาธารณะที่เที่ยวในกรุงเทพที่มีลักษณะโล่ง กว้าง มีร่มเงา แม่น้ำ และพันธุ์ไม้ต่างๆ ที่คอยพัดพาความเย็น ตลอดจนสีสันจากดอกไม้ที่มองแล้วเพลิดเพลินใจ ทั้งยังมีสะพานที่เป็นจุดเชื่อมต่อระหว่างธารน้ำ กับสวนป่าเขียวขจีให้ผู้คนได้มาสัมผัส สูดรับอากาศที่แสนบริสุทธิ์และสดชื่นได้เต็มปอด 

นอกจากนี้ ยังมีหอนาฬิกาที่ประดับไปด้วยดอกไม้อันสวยงามบริเวณรอบๆ และประติมากรรมอาเซียน ที่มีรูปร่างแปลกตา หมายถึง ความสามัคคีของ 6 ประเทศ สุดท้ายที่พลาดไม่ได้ คือ ในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ถึงเดือนมีนาคมจะมีความสวยงามของ ดอกชมพูพันธุ์ทิพย์ ที่จะออกดอกบานสะพรั่งเป็นสีชมพูชวนมอง แต่มีให้ชมกันเพียงแค่ระยะเวลาสั้นๆ 2 – 3 อาทิตย์เท่านั้น

กิจกรรมที่น่าสนใจ คือ 

  • เดินชมบรรยากาศโดยรอบของสวนจตุจักร 
  • ปิกนิก วิ่งออกกำลังกาย ปั่นจักรยาน
  • นั่งชมวิวริมแม่น้ำท่ามกลางบรรยากาศที่เขียวขจี หรืออาจมาถ่ายรูปเก็บบรรยากาศ

การเดินทางมายังสวนจตุจักร สามารถทำได้หลายวิธีตามความสะดวก ดังนี้

  • เดินทางโดยรถบัสสาย 104 (ปอ.) (AC), 108, 134 (ปอ.) (AC), 157 (ปอ.) (AC), 27 ไปยังป้ายรถประจำทาง BTS สถานีหมอชิต หรือป้ายรถประจำทาง MRT สวนจตุจักรได้
  • เดินทางโดยรถไฟฟ้า BTS สายสุขุมวิท ลงสถานีหมอชิต ทางออกที่ 1 และ 3 หรือรถไฟใต้ดิน MRT ลงสถานที่สวนจตุจักร ทางออกที่ 1 และ 2

พิกัด: สวนจตุจักร

เวลาเปิด-ปิด: เปิดทุกวัน เวลา 04:30 – 22:00 น.

3. ล้ง 1919

3. ล้ง 1919

ล้ง 1919 เป็นสถานที่ท่องเที่ยวกรุงเทพแนวประวัติศาสตร์ไทย-จีนในช่วงสมัยรัชกาลที่ 3 โดยสถานที่แห่งนี้ตั้งอยู่ใกล้ริมแม่น้ำเจ้าพระยาฝั่งธนบุรี เหมาะกับคนที่ชอบเรียนรู้เรื่องราวประวัติศาสตร์การค้าระหว่างไทย-จีน และอยากมาเดินเล่น เที่ยวชม หรือลิ้มลองอาหารหลากหลายสไตล์ สมัยก่อนสถานที่แห่งนี้เคยเป็นท่าเรือกลไฟ เนื่องจากเรือที่เข้ามาที่นี่ ส่วนมากเป็นเรือขนาดใหญ่ หรือเป็นเรือเดินสมุทรที่ใช้ฟืนเป็นเชื้อเพลิงในการบรรทุกสินค้ามายังทางแม่น้ำ โดยชาวจีนเป็นผู้นิยมเดินเรือเข้ามาค้าขาย และตั้งถิ่นฐาน ผู้คนจึงพากันเรียกว่า ท่าเรือกลไฟ หรือมีชื่อเรียกว่า ท่าเรือ ฮวย จุ่ง ล้ง 

จุดเด่นของล้ง 1919 แห่งนี้ คือ เป็นสถานที่ท่องเที่ยวในกรุงเทพที่มีสถาปัตยกรรมจีนอันสวยงามของตระกูลหวังหลี โดยประกอบไปด้วยภาพวาดจิตรกรรมกรรมฝาผนังที่มีเอกลักษณ์ โดดเด่น แปลกตา บ่งบอกถึงเรื่องราวประวัติศาสตร์ความเป็นมาในอดีต และเป็นที่ท่องเที่ยวเชิงศิลปวัฒนธรรมให้คนรุ่นใหม่ได้มาเรียนรู้ 

อีกทั้งยัง ล้ง 1919 ยังมีขอบประตูและหน้าต่างมากมายที่มีอายุยาวนานกว่า 170 ปี และเคยเป็นโกดังที่เก็บสินค้านำเข้าจากต่างประเทศ รวมถึงมีเทพเจ้าประจำท่าเรือ ฮวย จุ่ง ล้ง ประดิษฐานให้ผู้คนที่มาเที่ยวชม ได้สักการะขอพรเพื่อเป็นมงคลแก่ชีวิต

กิจกรรมที่น่าสนใจ คือ 

  • ผู้คนส่วนใหญ่ทั้งชาวไทย และชาวต่างชาติจะเดินถ่ายภาพพื้นหลังสวยๆ ของฝาผนังสถาปัตยกรรมจีน
  • นั่งชมวิวหรือนั่งพักผ่อนหย่อนใจริมแม่น้ำเจ้าพระยา
  • เดินชมความสวยงามบริเวณโดยรอบของล้ง 1919
  • กราบไหว้เจ้าแม่หม่าโจ้ว ขอพรด้านการงาน ความรัก
  • เดินชมภาพเขียนจีนในสมัยโบราณ
  • รับประทานอาหารที่แสนอร่อยหลากหลายสไตล์
  • ซื้อข้าวของเครื่องใช้ เครื่องประดับ และของขวัญสไตล์จีน

การเดินทางมายัง ล้ง 1919

  • สามารถเดินทางด้วยรถบัสสาย 57, 6 ,43, 84 (ปอ.) (AC), 88, 120, 177 และ 89 (ปอ.) (AC)
  • นั่งเรือข้ามแม่น้ำเจ้าพระยา จากท่าเรือสี่พระยา ลงท่าเรือคลองสาน หรือนั่งเรือด่วนเจ้าพระยา ลงท่าเรือราชวงศ์ – ท่าเรือดินแดง และท่าเรือสวัสดิ์ – ท่าเรือวัดทองธรรมชาติ ได้ตามความสะดวก
  • รถไฟใต้ดิน MRT ลงสถานีหัวลำโพง ทางออกที่ 4 แล้วต่อด้วยแท็กซี่หรือวินมอเตอร์ไซค์ ลงที่ท่าเรือสวัสดิ์ และนั่งเรือข้ามฟากไปยังท่าเรือวัดทองธรรมชาติ
  • รถไฟฟ้า BTS สายสีลม ลงที่สถานีสะพานตากสิน ทางออกที่ 2 ต่อด้วยเรือจากท่าเรือสาทร ไปลงท่าเรือเป๊ปซี่ หรือลงสถานีกรุงธนบุรี ทางออกที่ 2 เพื่อขึ้นรถบัสสาย 84 ลงป้ายรถประจำทาง ท่าน้ำคลองสาน 1 หรือสามารถออกทางออกที่ 3 แล้วต่อด้วยวินมอเตอร์ไซค์ก็ทำได้

พิกัด: ล้ง 1919

เวลาเปิด-ปิด: เปิดทุกวัน เวลา 08:00 – 20:00 น.

4. ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์

Bangkok, Thailand – November 20, 2022 : Queen Sirikit National Convention Center – QSNCC of Thailand, Queen Sirikit Center of Architecture, Rama IV Road, Khlong Toei District, Bangkok.; Shutterstock ID 2223521735; purchase_order: -; job: -; client: -; other: –

4. ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์

ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ เป็นสถานที่ท่องเที่ยวกรุงเทพแบบไทยร่วมสมัย เหมาะกับคนทุกไลฟ์สไตล์ หรือคนที่ชื่นชอบสถาปัตยกรรมความเป็นไทยยุคใหม่ที่ผสมผสานกันอย่างลงตัว โดยศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์เป็นสถานที่จัดประชุมระดับนานาชาติขนาดใหญ่ที่สามารถรับรองการจัดงานทุกรูปแบบ มีการตกแต่งสถานที่สวยงาม ทันสมัย บวกกับสไตล์ความเป็นไทยด้วยลายผ้าอันเป็นอัตลักษณ์ที่โดดเด่น

นอกจากนี้ ยังมีสิ่งอำนวยความสะดวกที่ครบถ้วนต่อผู้เข้าร่วมประชุมและผู้จัดงาน มีโซนถ่ายรูป โซนแสดงสินค้า โซนจัดนิทรรศการ โซนงานสัปดาห์หนังสือแห่งชาติ ร้านอาหารและงานอีเวนต์ต่างๆ ให้กับผู้เยี่ยมชมได้มาสัมผัสกับบรรยากาศที่เพลิดเพลิน และได้รับความรู้ใหม่ๆ 

จุดเด่นของสถานที่แห่งนี้ คือ เป็นศูนย์การประชุมขนาดใหญ่ที่มีพื้นที่กว้างถึง 65,000 ตารางเมตร ทำให้รับรองผู้เข้าร่วมงานเป็นจำนวนมากราวๆ 10,000 คน อีกทั้งยังมีห้องที่ประกอบไปด้วยประติมากรรมเมล็ดข้าวในบริเวณโถงบันไดหลัก ที่มีความงดงามปราณีต และความหมายสื่อถึงอู่ข้าวอู่น้ำที่อุดมสมบูรณ์ของเมืองไทย รวมทั้งภายในห้องประชุมยังมีสถาปัตยกรรมการตกแต่งด้วยลายผ้าไหมไทยที่บ่งบอกถึงเสน่ห์ความเป็นไทยต่อผู้ที่เข้าร่วมการประชุมแห่งชาติจากหลากหลายประเทศ

กิจกรรมที่น่าสนใจ คือ

  • เดินชมงานสัปดาห์หนังสือแห่งชาติ หรือซื้อหนังสือตามประเภทความชอบ
  • ถ่ายรูปประติมากรรม และสถาปัตยกรรมที่สวยงาม
  • เดินชมงานด้านศิลปะต่างๆ
  • ซื้อสินค้า
  • เดินชมงานอีเวนต์

การเดินทางมายังศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์

  • รถไฟฟ้าใต้ดิน MRT ลงที่สถานีศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ทางออกที่ 3 สะดวกมากที่สุด
  • หากมารถเมล์ประจำทาง สามารถขึ้นรถเมล์ สาย 136 (คลองเตย-หมอชิต) และสาย 185 (รังสิต-คลองเตย) มาลงป้ายศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ 

พิกัด: ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์

เวลาเปิด-ปิด: เปิดทุกวัน เวลา 09:00 – 17:00 น.

5. พระราชวังพญาไท

5. พระราชวังพญาไท

พระราชวังพญาไทเป็นสถานที่ท่องเที่ยวกรุงเทพแนวย้อนยุคเชิงประวัติศาสตร์ เหมาะสำหรับคนที่ชื่นชอบการท่องเที่ยวด้านโบราณสถานสไตล์คลาสสิก หรืออยากทราบความเป็นมาของสถานที่ โดยพระราชวังพญาไทนั้น พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 โปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้นเพื่อใช้เป็นที่ประทับของพระองค์ และเพื่อให้เป็นที่ทำไร ทำนา และเลี้ยงสัตว์ในอดีต 

ภายในพระราชวังประกอบไปด้วยหลายห้อง เช่น ห้องเสวยสไตล์ยุโรปที่มีการประดับตกแต่งด้วยลวดลายที่สวยงาม ห้องธารกำนัลสำหรับรับแขก ห้องทรงพระอักษรที่มีหนังสือของพระองค์ ห้องท้องพระโรงที่เคยเป็นห้องเสด็จให้เข้าเฝ้าส่วนพระองค์ และห้องเดอลุกซ์ เป็นต้น นอกจากนี้พระราชวังพญาไทยังเคยใช้เป็นโรงละครในอดีตอีกด้วย

ยอดแหลมสูงของคอหอยสีแดงที่มีไว้สำหรับชักธงในตอนที่พระองค์ประทับอยู่ของช่วงสมัยนั้น กลายเป็นจุดเด่น และเป็นสิ่งดึงดูดให้ผู้คนอยากเข้ามาเยี่ยมชมสถานที่แห่งนี้ ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน อีกทั้งภายในยังมีความโดดเด่นของศิลปะตะวันตก รวมถึงการผสมผสานของสถาปัตยกรรมสไตล์โรมาเนสก์ และกอทิกที่น่าสนใจ นอกจากนี้ ยังมีศาลาสีขาวในสวนโรมันท่ามกลางบรรยากาศความร่มรื่น อันเต็มไปด้วยต้นไม้ และความสวยงามปราณีตของงานจิตรกรรมรูปคน และลวดลายพรรณพฤกษาที่โดดเด่น

กิจกรรมที่น่าสนใจ คือ

  • เดินชมสถาปัตยกรรมภายใน
  • สำรวจบริเวณโดยรอบพระราชวังพญาไท
  • ฟังการบรรยายจากมัคคุเทศก์เกี่ยวกับประวัติความเป็นมาอันน่าสนใจ
  • ถ่ายภาพบรรยากาศสวยๆ

การเดินทางมายังพระราชวังพญาไท

  • สามารถเดินทางโดยรถบัสสาย 108, 539 (ปอ.) (AC), 14 (ปอ.) (AC), 522 (ปอ.) (AC), 92, 97, 28, 67, 44, 26, 8 (ปอ.) (AC) เป็นต้น
  • รถไฟฟ้า BTS สายสุขุมวิท ลงสถานีอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ทางออกที่ 3 เดินต่อไปยังถนนราชวิถี ข้ามไปฝั่งตรงข้าม ผ่านหน้าวัดอภัยทายาราม โรงพยาบาลพระมงกุฏเกล้า ซึ่งพระราชวังจะอยู่ภายในรั้วของโรงพยาบาล

พิกัด: พระราชวังพญาไท

เวลาเปิด-ปิด: วันอังคาร และวันพฤหัสบดี เวลา 13:30 – 15:30 น. 

วันเสาร์ และวันอาทิตย์ เวลา 09:30 – 11:30 น. และ 13:30 – 15:30 น.

6. ตลาดนัดจตุจักร

6. ตลาดนัดจตุจักร

ตลาดนัดจตุจักร สร้างขึ้นเพื่อให้ประชาชนได้ใช้พื้นที่ในการหารายได้ และเป็นสถานที่ท่องเที่ยวกรุงเทพสำหรับสายช็อปปิง เหมาะกับคนที่ชื่นชอบการซื้อสินค้าต่างๆ เนื่องจากตลาดนัดจตุจักรเป็นแหล่งที่รวบรวมสินค้าเบ็ดเตล็ดไว้มากมายในที่เดียว ทำให้สะดวกและง่ายต่อการซื้อ เช่น เครื่องประดับ เสื้อผ้าแฟชั่น กระเป๋า สินค้ามือสอง ต้นไม้ ดอกไม้ สัตว์เลี้ยง ผลไม้ อาหาร เครื่องดื่ม เฟอร์นิเจอร์ และสินค้าอื่นๆ เป็นต้น ทำให้ผู้คนทั้งชาวไทย และชาวต่างชาตินิยมมาเดินเที่ยวชม และเพลิดเพลินไปกับการซื้อสินค้าตามประเภทที่ต้องการ 

จุดเด่นของตลาดนัดจตุจักร คือ เป็นตลาดนัดที่มีพื้นที่ขนาดใหญ่ ทำให้สามารถรองรับผู้คนที่มาเดินช็อปปิงได้อย่างไร้กังวล  อีกทั้งสินค้ายังมีราคาถูกกว่าที่อื่น ส่งผลดีให้คนที่มาช็อปปิงประหยัดเงินในกระเป๋าได้หลายเท่า นอกจากนี้ ยังมีหอนาฬิกาขนาดใหญ่ในบริเวณทางเข้า เหมาะสำหรับเป็นฉากสวยๆ ในการถ่ายรูปไว้เป็นที่ระลึก

กิจกรรมที่น่าสนใจ คือ

  • ช็อปปิงประเภทสินค้าตามที่ต้องการ
  • ถ่ายภาพบรรยากาศในตลาดนัดจตุจักร
  • เดินชมสินค้าต่างๆ

การเดินทางมายังตลาดนัดจตุจักร

  • รถไฟฟ้าใต้ดิน MRT ลงสถานีกำแพงเพชร ทางออกที่ 2
  • รถไฟฟ้า BTS ลงสถานีหมอชิต ทางออกที่ 1 และเดินต่อไปตามรั้วของสวนจตุจักร แล้วเดินเข้าตลาดนัดจตุจักรผ่านทางประตูที่ 3
  • รถบัส ขึ้นรถบัสสาย 536 (ปอ.) (AC), 509 (ปอ.) (AC), 134 (ปอ.) (AC), 138 (ปอ.) (AC) ,136, 108, 77, 527, 529

พิกัด: ตลาดนัดจตุจักร

เวลาเปิด-ปิด: วันพุธ – พฤหัส เวลา 07:00 – 18:00 น. (เฉพาะโซนต้นไม้) วันศุกร์ เวลา 18:00 – 24:00 น. วันเสาร์ – วันอาทิตย์ เวลา 09:00 – 18:00 น.

7. ศูนย์วิทยาศาสตร์เพื่อการศึกษา (ท้องฟ้าจำลองกรุงเทพ)

 7. ศูนย์วิทยาศาสตร์เพื่อการศึกษา (ท้องฟ้าจำลองกรุงเทพ)

ศูนย์วิทยาศาสตร์เพื่อการศึกษา หรือ ท้องฟ้าจำลองกรุงเทพ เป็นสถานที่ท่องเที่ยวกรุงเทพเชิงวิทยาศาสตร์ และเหมาะสำหรับคนที่อยากเรียนรู้ด้านวิทยาศาสตร์ ดาราศาสตร์ ชื่นชอบท้องฟ้า ไม่ว่าจะเป็นเด็ก เยาวชนหรือผู้ใหญ่ก็สามารถมาเที่ยวชมได้ โดยภายในท้องฟ้าจำลองจะเป็นโดมที่ออกแบบให้มีขนาดกว้างใหญ่เสมือนท้องฟ้าจริง เมื่อเข้าไปชมบรรยากาศภายในตัวอาคาร จะมีผู้บรรยายให้ความรู้ด้านดาราศาสตร์ พร้อมทั้งมีการฉายแสงบนโดมท้องฟ้า เพื่อทำให้ผู้เข้าชมรู้สึกตื่นเต้น เหมือนได้มาสัมผัสกาแล็กซีนอกโลก และเห็นบรรยากาศท้องฟ้าที่ชัดเจน เต็มไปด้วยดวงดาวที่สวยงามยามค่ำคืน

จุดเด่นของท้องฟ้าจำลอง คือ เป็นสถานที่เรียนรู้วิทยาศาสตร์และเป็นแหล่งท่องเที่ยวในกรุงเทพที่น่าสนใจ เหมาะสำหรับทุกวัย เมื่อทำการฉายท้องฟ้าจำลอง จะทำให้ผู้เข้าชมเห็นถึงระบบดวงดาว ผ่านเเสง และสี ที่อลังการสวยงาม ชัดเจน และง่ายต่อการเรียนรู้ ทำให้มีความเข้าใจเกี่ยวกับระบบจักรวาลด้านดาราศาสตร์มากยิ่งขึ้น อีกทั้งยังเป็นแหล่งเรียนรู้ที่สร้างความเพลิดเพลินแก่เยาวชน ส่งผลให้เยาวชนมีจินตนาการด้านระบบจักรวาล และดวงดาว

กิจกรรมที่น่าสนใจ คือ

  • ฟังการบรรยายความรู้ด้านดาราศาสตร์จากเจ้าหน้าที่
  • ชมการฉายระบบท้องฟ้าจำลอง ที่ประกอบไปด้วยกาแล็คซี่ และดวงดาว

วิธีการเดินทางมายังท้องฟ้าจำลองกรุงเทพ

  • สามารถเดินทางโดยรถไฟฟ้า BTS ลงที่สถานีเอกมัย ทางออกที่ 2 แล้วเดินมาทางฝั่งสถานีขนส่งผู้โดยสารเอกมัยอีก 300 เมตร ก็จะถึงท้องฟ้าจำลองกรุงเทพ
  • รถบัสสาย 2, 25, 72, 38, 40 (ปอ.) (AC) ,508 (ปอ.) (AC), 501 (ปอ.) (AC)

พิกัด: ศูนย์วิทยาศาสตร์เพื่อการศึกษา (ท้องฟ้าจำลองกรุงเทพ)

เวลาเปิด-ปิด:  วันอังคาร – อาทิตย์ เวลา 09:00 – 16:00 น.

8. ตลาดน้อย 

8. ตลาดน้อย 

ตลาดน้อย คือ สถานที่ท่องเที่ยวกรุงเทพสไตล์ย้อนยุค และเป็นตลาดที่อยู่ติดกับแม่น้ำเจ้าพระยา เหมาะสำหรับผู้ที่ชื่นชอบความเก่าคลาสสิกของสถานที่ แต่ยังคงความสวยงามเอาไวั โดยตลาดน้อยเป็นตลาดที่มีการค้าขายมายาวนานตั้งแต่ช่วงต้นสมัยรัตนโกสินทร์ จึงมีการผสมผสานระหว่างวัฒนธรรมไทย-จีน และมีสถาปัตยกรรมเก่าแก่ของตัวอาคารที่มีความสวยงามปราณีต นอกจากนี้ ยังมีค่าเฟ่เล็กๆ ให้นักท่องเที่ยวได้นั่งดื่มเครื่องดื่ม รับประทานเบเกอรีแสนอร่อย ท่ามกลางบรรยากาศที่เย็นสบายริมแม่น้ำเจ้าพระยา และยังมีมุมถ่ายรูปมากมาย

จุดเด่นของตลาดน้อย คือ เป็นตลาดที่มีการผสมผสานของสองวัฒนธรรมระหว่างไทย-จีนได้อย่างสวยงามลงตัว อีกทั้งยังมีรากไม้ใหญ่ที่ขึ้นปกคลุมตามผนังอาคาร พร้อมเฟอร์นิเจอร์ไม้ที่สวยงามแปลกตา ควรค่าแก่การมาสัมผัสประสบการณ์

กิจกรรมที่น่าสนใจ คือ

  • นักท่องเที่ยวสามารถปั่นจักรยานสำรวจบริเวณโดยรอบของตลาดได้
  • ถ่ายรูปมุมสวยๆ ของแต่ละโซนในตลาดน้อย
  • นั่งรับลมชมวิวใกล้กับริมแม่น้ำเจ้าพระยา
  • เลือกซื้อสินค้าและรับประทานอาหาร ของหวาน เบเกอรี เป็นต้น

การเดินทางมายังตลาดน้อย

  • รถไฟฟ้าใต้ดิน MRT ลงสถานีหัวลำโพง และต่อรถแท็กซี่มาที่ซอยเจริญกรุง 22 
  • รถไฟฟ้า BTS สายสีลม ลงที่สถานีสะพานตากสิน จากนั้นต่อเรือจากท่าเรือสาทร มาลงท่าเรือกรมเจ้าท่า และเดินทะลุซอยอีกประมาณ 100 เมตร 
  • รถบัสสาย 1, 4, 21, 35, 75, และ 501

พิกัด: ตลาดน้อย

เวลาเปิด-ปิด: เปิดทุกวัน (ยกเว้นวันอาทิตย์) เวลา 08:30 – 15:00 น.

9. พิคคาเดลลี่ แบงค์ค็อก 

9. พิคคาเดลลี่ แบงค์ค็อก 

พิคคาเดลลี่ แบงค์ค็อก เป็นสถานที่ท่องเที่ยวกรุงเทพที่เหมาะกับคนที่ชื่นชอบสไตล์ความเป็นอังกฤษ และชอบท่องเที่ยวสถานที่อันทันสมัย โดยสถาปัตยกรรมของสถานที่แห่งนี้ถูกออกแบบมาในสไตล์อังกฤษ ทำให้มีความสวยงามแบบเรียบหรูทันสมัยเหมือนได้มาเที่ยวประเทศอังกฤษ บริเวณภายในของสถานที่แห่งนี้ประกอบไปด้วยร้านอาหาร ร้านค้า มีการจัดแสดงอีเวนต์ ดนตรี มุมนั่งเล่น สวนดอกไม้ และสะพานข้ามน้ำพุเล็กๆ ที่มีกามเทพอยู่บนน้ำพุ ให้บรรยากาศที่สวยงามชวนมอง

จุดเด่นของสถานที่แห่งนี้ คือ มีหอนาฬิกาที่เป็นเอกลักษณ์ และเป็นสถานที่สไตล์ยุโรปที่สวยงาม ทันสมัยเหมือนได้มาสัมผัสบรรยากาศเมืองนอก อีกทั้งยังทำให้ได้กลิ่นอายของเมืองอังกฤษจริงๆ

กิจกรรมที่น่าสนใจ คือ

  • ถ่ายรูปสวยๆ จากโซนต่างๆ หรือสถาปัตยกรรมสุดคลาสสิกไว้เป็นที่ระลึก
  • รับประทานอาหารที่หลากหลาย และรสชาติที่แสนอร่อย
  • เดินเล่นและเยี่ยมชมมุมต่างๆ ทั้งบริเวณภายนอกและภายในของพิคคาเดลลี่ แบงค์ค็อก
  • ฟังเพลงหรือดนตรีสดเพราะๆ จากนักร้องและนักดนตรี

วิธีการเดินทางมายังพิคคาเดลลี่ แบงค์ค็อก

  • สามารถเดินทางโดยรถบัสสาย 519, 11, 145, 133, 206, และ 207 เป็นต้น
  • รถไฟฟ้า BTS สายสุขุมวิท ลงสถานีอ่อนนุช จากนั้นนั่งแท็กซี่ หรือรถสองแถว เข้ามาที่ซอยสุขุมวิท 77

พิกัด: พิคคาเดลลี่ แบงค์ค็อก

เวลาเปิด-ปิด: เปิดทุกวัน เวลา 10:00 – 22:00 น.

10. หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร

10. หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร

หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร หรือ หอศิลป์กรุงเทพฯ เป็นสถานที่ท่องเที่ยวกรุงเทพสไตล์ศิลปะร่วมสมัย เหมาะสำหรับคนที่ชื่นชอบงานศิลปะและความสร้างสรรค์ เนื่องจากเป็นสถานที่จัดแสดงผลงานศิลปะไว้หลากหลายรูปแบบจากศิลปินหลากหลายท่าน ถือเป็นจุดนับพบสำหรับคนรักศิลปะ รวมถึงมีนิทรรศการแสดงผลงานศิลปะให้ได้เข้าชม พร้อมกับเพลิดเพลินไปกับการแสดงด้านดนตรี ละคร กวี ภาพยนตร์ นอกจากนี้ ยังมีสินค้า และร้านขายของให้ได้เลือกซื้ออีกด้วย

จุดเด่นของหอศิลป์กรุงเทพฯ คือ เป็นที่เที่ยวในกรุงเทพที่รวบรวมผลงานด้านศิลปะ อันมีเอกลักษณ์ความสวยงาม โดดเด่น โดยมีการถ่ายถอดเรื่องราวผ่านภาพวาด ลายเส้น แสง สี เสียง หรือประติมากรรม ทำให้ผู้เข้าชมได้ทำความเข้าใจกับความหมายของผลงานที่สื่อสารออกมาได้ หรือสามารถชมผลงานศิลปะแล้วเกิดจินตนาการ สามารถทำให้รู้สึกผ่อนคลาย มีแรงบันดาลใจในการทำสิ่งต่างๆ อีกทั้งยังมีโซนถ่ายรูปศิลปะมากมาย พร้อมกับได้รับความรู้จากสถานที่แห่งนี้

กิจกรรมที่น่าสนใจ คือ

  • เดินชมนิทรรศการผลงานด้านศิลปะ
  • ชมการแสดงด้านดนตรี กวี ละคร ภาพยนตร์
  • ถ่ายรูปผลงานด้านศิลปะหรือตามโซนต่างๆ
  • ซื้อสินค้า
  • ฟังการบรรยายเกี่ยวกับผลงานศิลปะ

วิธีการเดินทางมายังหอศิลป์กรุงเทพฯ

  • รถไฟฟ้า BTS สายสีลม ลงสถานีสนามกีฬาแห่งชาติ ทางออกที่ 3 แล้วเดินตรงไปด้านซ้ายมือเป็นทางเชื่อมเข้าสู่หอศิลปกรุงเทพฯ บนชั้น 3 ของหอศิลป์กรุงเทพฯ
  • สามารถเดินทางโดยรถบัสสาย 159, 204, ปอ.501, ปอ.508, ปอ.529, 15, 16, 21, 25, 29, 34, 36, 40, 47, 48, 50, 54, 73, 73ก, 79, 93, และ 141

พิกัด: หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร

เวลาเปิด-ปิด: เปิดวันอังคาร-วันอาทิตย์ เวลา 10:00 – 21:00 น.                                

11. พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ ซีไลฟ์ โอเชียน เวิลด์ 

11. พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ ซีไลฟ์ โอเชียน เวิลด์ 

พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ ซี ไลฟ์ โอเชียน เวิลด์ เป็นสถานที่ท่องเที่ยวกรุงเทพที่อนุรักษ์สัตว์น้ำไว้หลากหลายสายพันธ์ุ เหมาะสำหรับคนที่ชอบและอยากเรียนรู้เกี่ยวกับสัตว์น้ำ โดยสถานที่แห่งนี้มีสัตว์น้ำหลากหลายชนิด ซึ่งหาดูได้ยาก เช่น ปลาหมึกยักษ์ ปลากระเบน เพนกวินแอฟริกัน ปูแมงมุมญี่ปุ่น ปลาฉลาม และโลมา โดยเปิดให้ผู้เข้าชมได้มาสำรวจถึงความสวยงามภายใต้อุโมงค์ขนาดใหญ่ที่มีสัตว์น้ำอาศัยอยู่ เสมือนได้มาสัมผัสบรรยากาศใต้ท้องทะเลอย่างใกล้ชิด

จุดเด่นของพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ ซี ไลฟ์ โอเชียน เวิลด์ คือ เป็นพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ที่รวบรวมสัตว์น้ำไว้มากถึง 400 สายพันธุ์ และมีสัตว์น้ำมากกว่า 30,000 ตัว อีกทั้งยังมีโซนถ่ายรูปสวยๆ ใต้อุโมงค์ที่ประกอบไปด้วยแสงและสีที่สวยงาม นอกจากนี้ ยังเป็นแหล่งการเรียนรู้สัตว์น้ำที่หลากหลายสายพันธ์ุให้กับเด็กๆ เพื่อประสบการณ์ที่สนุก เพลิดเพลิน และได้ความรู้อีกด้วย

กิจกรรมที่น่าสนใจ คือ

  • เดินชมและสำรวจสัตว์น้ำใต้อุโมงค์
  • ถ่ายรูปกับสัตว์น้ำใต้อุโมงค์ที่สุดอลังการ
  • ซื้อของที่ระลึก

วิธีการเดินทางมายังพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ ซี ไลฟ์ โอเชียน เวิลด์

  • รถไฟฟ้า BTS สายสีลม หรือสายสุขุมวิท ลงสถานีสยาม ทางออกที่ 5 เพื่อเข้าสู่ศูนย์การค้าสยามพารากอน แล้วลงบันไดเลื่อนถัดจากศูนย์อาหารไปยังชั้น บี 1 เพื่อเข้าสู่พิพิธภัณฑ์
  • รถบัส ขึ้นรถบัสสาย 15, 16, 21, 25, 40, 48, 54, และ 73

พิกัด: พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ ซีไลฟ์ โอเชียน เวิลด์

เวลาเปิด-ปิด: เปิดทุกวัน  เวลา 10.00 น.- 21.00 น.

12. เอเชียทีค เดอะ ริเวอร์ฟร้อนท์ 

เอเชียทีค เดอะริเวอร์ ฟร้อน เป็นสถานที่เที่ยวกรุงเทพสไตล์ช็อปปิงสตรีต เหมาะสำหรับคนไลฟ์สไตล์ที่ชอบช็อปปิงสินค้า โดยสถานที่แห่งนี้อยู่ติดกับแม่น้ำเจ้าพระยา บวกกับมีชิงช้าสวรรค์ขนาดใหญ่ และมีการตกแต่งด้านสถาปัตยกรรมที่สวยงาม อีกทั้งในช่วงค่ำคืนยังมีบรรยากาศที่มีเสน่ห์น่าดึงดูด เป็นจุดสนใจต่อผู้คนเป็นจำนวนมาก ทำให้ผู้คนทั้งชาวไทยและชาวต่างชาตินิยมมาเดินช็อปปิง แวะมาเช็กอิน พักผ่อน หรือรับประทานอาหารกันอยู่มากมาย

จุดเด่นของสถานที่แห่งนี้ คือ มีชิงช้าสวรรค์ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศไทย มีมุมพักผ่อนที่สวยงาม บรรยากาศเย็นสบาย และมีร้านอาหารให้ได้เลือกมากมาย นอกจากนี้ ยังมีภาพวาดศิลปะที่สะท้อนให้เห็นวิถีชีวิตของคนสมัยก่อนจัดแสดงโชว์อีกด้วย

กิจกรรมที่น่าสนใจ คือ

  • เดินช็อปปิงสินค้าต่างๆ หรือรับประทานอาหาร
  • ถ่ายรูปมุมสวยๆ 
  • นั่งรับบรรยากาศที่เย็นสบาย
  • นั่งชมวิว
  • ดินเนอร์ล่องเรือแม่น้ำเจ้าพระยา

วิธีการเดินทางมายังเอเชียทีค เดอะริเวอร์ ฟร้อน

  • สามารถเดินทางโดยรถไฟฟ้า BTS สายสีลม ลงสถานีสะพานตากสิน ทางออก 2 แล้วต่อ Shuttle Boat ของเอเชียทีคฟรี  หรือนั่งเรือด่วนไปยังเอเชียทีค เดอะ ริเวอร์ฟร้อนท์ที่ท่าเรือสาทร
  • เรือด่วนธงส้ม นั่งเรือด่วนเจ้าพระยาธงสีส้มมาลงที่ท่าเรือวัดราชสิงขร แล้วเดินมาทางถนนเจริญกรุง จากนั้นเลี้ยวขวา เดินมาอีกประมาณ 500 เมตร ก็จะเจอเอเชียทีค 
  • รถบัสสาย 75, 17 (ปอ.) (AC), 547 (ปอ.) (AC) 

พิกัด: เอเชียทีค เดอะริเวอร์ ฟร้อน

เวลาเปิด-ปิด:  เปิดทุกวัน เวลา 11:00 – 22:00 น.

13. สวนเบญจกิติ

13. สวนเบญจกิติ

สวนเบญจกิติเป็นสถานที่ท่องเที่ยวกรุงเทพแนวธรรมชาติที่อยู่ใจกลางกรุง เหมาะกับคนที่มีไลฟ์สไตล์รักธรรมชาติ โดยสวนแห่งนี้เป็นสวนป่าที่มีต้นไม้เขียวขจี มีบรรยากาศที่ร่มรื่นรวมทั้งมีอากาศที่บริสุทธิ์ ปลอดโปร่ง เหมาะสำหรับเป็นที่พักผ่อนหย่อนใจ ออกกำลังกาย เนื่องจากมีบรรยากาศที่เงียบสงบ และเป็นพื้นที่ชุ่มน้ำสำคัญที่มีประโยชน์ต่อระบบนิเวศ

จุดเด่นของสวนเบญจกิติ คือ เป็นสวนสาธารณะขนาดใหญ่ที่มีต้นไม้รายล้อมเป็นจำนวนมาก มีพรรณไม้หลากหลาย มีพื้นที่สำหรับปั่นจักรยาน มีวิวทิวทัศน์ที่สวยงามในช่วงยามเย็น และที่สำคัญยังมีทางเดินลอยฟ้าให้เดินเล่นเปลี่ยนบรรยากาศชมวิวสวยๆ อีกด้วย

กิจกรรมที่น่าสนใจ คือ

  • วิ่งออกกำลังกายเพื่อสุขภาพ
  • เดินชมบรรยากาศภายในสวน
  • นั่งเล่นชมวิว
  • ถ่ายรูปบรรยากาศภายในสวน
  • ปั่นจักรยาน

การเดินทางมายังสวนเบญจกิติ

  • รถไฟฟ้า BTS สายสุขุมวิท ลงที่สถานีอโศก และเดินต่อประมาณ หรือ รถไฟฟ้าใต้ดิน MRT ลงสถานีศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ทางออกที่ 3 และเดินต่ออีกเล็กน้อย

พิกัด: สวนเบญจกิติ

เวลาเปิด-ปิด: เปิดทุกวัน เวลา 05:00 – 21:00 น.

14. The COMMONS Saladaeng

14. The COMMONS Saladaeng

The Commons Saladaeng เป็นสถานที่ท่องเที่ยวกรุงเทพที่เหมาะกับคนที่รักการกินเป็นชีวิตจิตใจ โดยสถานที่แห่งนี้เป็นสถาปัตยกรรมหน้าจั่วสีแดง มีทั้งหมด 3 ชั้น ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจมาจากศาลาแดงในสมัยก่อน ทำให้กลายเป็นสถานที่สวยงาม แปลกตา แต่มีดีไซน์ที่ทันสมัยเข้ากับยุคปัจจุบัน The Commons Saladaeng เป็นสถานที่ผ่อนคลาย หรือมานั่งรับประทานอาหารหลากหลายสไตล์ที่แสนอร่อยทั้งไทยและเทศ เช่น ไอศกรีม ขนมหวาน โยเกิร์ต แซลมอน กุ้งลอบสเตอร์ ข้าวมันไก่ อีกทั้งดื่มเครื่องดื่มที่เย็นสดชื่น นอกจากนี้ ยังมี Working Space ที่ใช้พบปะ พูดคุยงาน การสัมภาษณ์ หรือนัดลูกค้า สำหรับคนทำงานและทำธุรกิจ เป็นต้น

จุดเด่นของสถานที่แห่งนี้ คือ มีตึกทรงสามเหลี่ยมหน้าจั่วสีแดงที่เป็นเอกลักษณ์และมีหลังคาที่สูงโปร่ง ซึ่งออกแบบมาทำให้ไม่รู้สึกอึดอัด หรือคับแคบ

กิจกรรมที่น่าสนใจ

  • ถ่ายรูปสวยๆสไตล์มินิมอลจากตึกทรงสามเหลี่ยมหน้าจั่วสีแดง
  • นั่งพักผ่อนพร้อม และรับประทานอาหาร
  • ชมวิวสวยอันสวยงาม

การเดินทางมายัง The Commons Saladaeng

  • สามารถเดินทางโดยรถไฟฟ้า BTS ลงที่สถานีศาลาแดง ทางออกที่ 2 หรือ เดินทางโดยรถไฟฟ้าใต้ดิน MRT ลงที่สถานีสีลม ทางออกที่ 4

พิกัด: เดอะคอมมอนส์ ศาลาแดง

เวลาเปิด-ปิด: วันอังคาร-อาทิตย์  เวลา 08:00 – 01:00 น.  

15. พิพิธภัณฑ์ศิลปะไทยร่วมสมัย

15. พิพิธภัณฑ์ศิลปะไทยร่วมสมัย

พิพิธภัณฑ์ศิลปะไทยร่วมสมัย ถือเป็นอีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวกรุงเทพสไตล์ศิลปะวัฒนธรรมไทย เหมาะสำหรับคนที่รักงานศิลป์ หรืออยากเสพงานศิลปะ โดยสถานที่แห่งนี้เป็นห้องจัดแสดงนิทรรศการผลงานศิลปะด้านประติมากรรม และจิตรกรรมของศิลปินแห่งชาติชื่อดัง ทั้งยังมีการรวบรวมผลงานศิลปะที่หาชมได้ยากไว้เป็นจำนวนมาก โดยผลงานศิลปะในแต่ละชิ้นมีการสื่อความหมายแตกต่างกัน เช่น สะท้อนถึงวิถีชีวิตของยุคสมัย อุดมคติ ความคิด นอกจากนี้ ภายในพิพิธภัณฑ์มีสถาปัตยกรรมที่นำหินแกรนิตมาแกะสลัก สร้างความสวยงามที่โดดเด่นอันเป็นเอกลักษณ์ให้ผู้เข้าชมเกิดความประทับใจเมื่อได้มาเยือน

จุดเด่นของสถานที่แห่งนี้ คือ มีความสวยงามด้านการแกะสลักที่สวยงามปราณีตจากก้อนหินแกรนิต อีกทั้งยังเป็นหนึ่งในพิพิธภัณฑ์ศิลปะร่วมสมัยที่ใหญ่ที่สุดในเอเชีย

กิจกรรมที่น่าสนใจ คือ

  • เดินชมผลงานศิลปะที่หลากหลายในพิพิธภัณฑ์
  • ถ่ายรูปภายในโซนต่างๆ ของพิพิธภัณฑ์

การเดินทางมายังพิพิธภัณฑ์ศิลปะไทยร่วมสมัย

  • รถไฟฟ้า BTS สายสุขุมวิท ลงสถานีมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ จากนั้นต่อรถโดยสารประจำทาง หรือรถแท็กซี่
  • รถไฟฟ้าใต้ดิน MRT ลงสถานีสวนจตุจักร จากนั้นต่อรถโดยสารประจำทาง หรือรถแท็กซี่
  • รถบัสสาย 29, 52, 69, 134, 187, 191, 504, 510, และ 555

พิกัด: พิพิธภัณฑ์ศิลปะไทยร่วมสมัย

เวลาเปิด-ปิด: วันอังคาร-อาทิตย์ เวลา 10:00 – 18:00 น.       

               

16. Street Art สวนเฉลิมหล้า ราชเทวี

Street Art สวนเฉลิมหล้า ราชเทวี เป็นสถานที่ท่องเที่ยวกรุงเทพสไตล์ศิลปะแบบชิกๆ เหมาะกับคนที่ชื่นชอบงานศิลปะที่ไม่จำเจ โดยสถานที่แห่งนี้ เป็นแหล่งรวบรวมผลงานด้านศิลปะ Grafiti จากศิลปินอิสระไว้เป็นจำนวนมาก อีกทั้งยังเป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจ มีมุมถ่ายรูปสวยๆ ให้ได้มาเดินสัมผัส เนื่องจากมีผลงานศิลปะ 

ที่ประกอบไปด้วยลวดลายภาพวาดที่สร้างสรรค์บนกำแพงสุดคลาสสิก ถือเป็นสถานที่ยอดฮิตสำหรับวัยรุ่น อีกทั้งเป็น Street Art ที่มีเสน่ห์แปลกตา และน่าดึงดูด

จุดเด่นของสภานที่แห่งนี้ คือ มีผลงานศิลปะที่มีสีสันสดใสสะดุดตาบนกำแพง และผลงานจากศิลปินอิสระทั้งชาวไทย และต่างชาติผ่านภาพวาดลงมายังกำแพง สื่อออกมาชวนให้ผู้มาเยี่ยมชมรู้สึกเพลิดเพลิน ทำให้สถานที่แห่งนี้ดูชีวิตชีวา และเต็มไปด้วยสีสันอันสวยงาม

กิจกรรมที่น่าสนใจ คือ

  • ถ่ายรูปกับภาพวาดศิลปะที่สวยสุดเจ๋ง
  • นั่งพักผ่อน
  • เดินชมผลงานศิลปะ

การเดินทางมายัง Street Art สวนเฉลิมหล้า ราชเทวี

  • รถไฟฟ้า BTS สายสุขุมวิท ลงสถานีราชเทวี ทางออกที่ 2 แล้วเดินตรงมาทางสะพานหัวช้าง อีกประมาณ 200 เมตร ก็จะถึงสวนเฉลิมหล้าราชเทวี

พิกัด: สวนเฉลิมหล้า ราชเทวี

เวลาเปิด-ปิด: เปิดทุกวัน เวลา 05:30 – 19:00 น.

17. วัดพระศรีมหาอุมาเทวี (วัดแขกสีลม)

17. วัดพระศรีมหาอุมาเทวี (วัดแขกสีลม)

วัดพระศรีมหาอุมาเทวี หรือ วัดแขกสีลม เป็นสถานที่ท่องเที่ยวกรุงเทพสายมูเตลู เหมาะกับคนที่ชอบในการบูชา สักการะ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งวัดพระศรีมหาอุมาเทวีแห่งนี้ สร้างขึ้นเพื่อเป็นสถานที่ถวายการบูชาพระแม่มริอัมมัน ผู้เป็นเทพีแห่งฝนของทางอินเดียใต้ หรือตามตำนานของศาสนาฮินดูที่เชื่อว่ามีความเกี่ยวข้องกับพระแม่อุมา หรือพระแม่ทุรคา ผู้เป็นภรรยาของพระศิวะ ประกอบกับความสวยงามของสถาปัตยกรรมศิลปะแบบอินเดียใต้ นอกจากนี้ ยังเป็นสถานที่มีผู้คนเข้ามากราบไหว้บูชาอย่างต่อเนื่อง เพื่อขอพรในการเป็นสิริมงคลให้กับชีวิต

จุดเด่นของสถานที่แห่งนี้ คือ มีโบสถ์ตั้งอยู่ตรงกลางข้างในเทวสถาน มีลักษณะศิลปะแบบสไตล์อินเดียใต้ที่สวยงาม ตลอดจนภายการมีเทพฮินดูศักดิ์สิทธิ์มากมาย อาทิ พระพรหมณ์ พระวิษณุ พระศิวะ พระพิฆเนศ พระแม่ลักษมี ฯลฯ แต่วัดแขกแห่งนี้มีความโดดเด่นในการขอพรเรื่องความรัก ทำให้มีผู้ศรัทธาเข้ามาสักการะขอพร เพื่อเป็นสิริมงคลแก่ชีวิตอยู่เป็นประจำอย่างไม่ขาดสาย

กิจกรรมที่น่าสนใจ คือ

  • กราบไหว้ บูชา ขอพรเรื่องความรัก 
  • ชมสถานที่ภายใน

การเดินทางมายังวัดพระศรีมหาอุมาเทวี

  • รถไฟใต้ดิน MRT ลงสถานีสีลม แล้วต่อด้วยรถโดยสารประจำทาง หรือวินมอเตอร์ไซค์
  • รถไฟฟ้า BTS สายสีลม ลงสถานีศาลาแดง ทางออกที่ 2 แล้วต่อด้วยรถโดยสารประจำทาง หรือวินมอเตอร์ไซค์
  • รถบัส ขึ้นรถบัสสาย 76 (ปอ.) (AC) , 172 (ปอ.) (AC) , 177 (ปอ.) (AC) ,15, 77

พิกัด: วัดพระศรีมหาอุมาเทวี 

เวลาเปิด-ปิด: เปิดทุกวัน เวลา 06.00 – 20.00 น.

18. ตลาดพลู

18. ตลาดพลู

ตลาดพลูเป็นสถานที่ท่องเที่ยวกรุงเทพที่เหมาะกับสายกิน โดยตลาดแห่งนี้เป็นตลาดย่านเก่าแก่ดั้งเดิมที่มีเสน่ห์เฉพาะตัว และเป็นตลาดที่ได้รวบรวมของกินอร่อยๆ ไว้มากมาย เช่น กุยช่าย ข้าวหมูแดง เกาเหลา ก๋วยเตี๋ยว ผัดไท น้ำแข็งใส ไอศกรีม ขนมครกแป้งสด เป็นต้น นอกจากนี้ ของกินในตลาดพลูยังมีราคาถูก ประหยัดเงินในกระเป๋าสำหรับนักท่องเที่ยวได้อีกด้วย

จุดเด่นของตลาดพลู คือ ทั้งสองข้างฝั่งตลาดเป็นทางเดินรถไฟให้นักท่องเที่ยวได้ถ่ายรูปกันได้ และมีร้านอาหารที่มีสูตรลับความอร่อยไม่เหมือนใคร เนื่องจากเป็นร้านขายมายาวนานหลายสิบปี

กิจกรรมที่น่าสนใจ คือ

  • ช็อปปิงสินค้า และอาหาร
  • ถ่ายรูปมุมสวยๆ ในตลาด
  • เดินเล่นรับบรรยากาศในยามเย็น

การเดินทางมายังตลาดพลู

  • รถไฟฟ้า BTS สายสีลม ลงที่สถานีตลาดพลู ทางออกที่ 4  และเดินต่อประมาณ 10 นาที 
  • รถบัสบัสสาย 15 ,57 , 68, 101, 195, 205, และ 209 

พิกัด: ตลาดพลู

เวลาเปิด-ปิด: เปิดทุกวัน เวลา 08:00 – 22:00 น.

19. Warehouse 30

19. Warehouse 30

Warehouse 30 เป็นสถานที่ท่องเที่ยวกรุงเทพที่เหมาะกับคนที่รักการช็อปปิง และพบปะสร้างสรรค์ โดยสถานที่แห่งนี้เป็นโกดังที่เรียบหรู ดูมีสไตล์ และเป็นแหล่งช็อปปิงสินค้า ร้านอาหาร เครื่องดื่ม งานศิลปะ เสื้อผ้าแฟชั่น ให้ได้เพลิดเพลิน รวมถึงเป็นที่พักผ่อนหย่อนใจของใครหลายๆ คน นอกจากนี้ ยังมีพื้นที่ถึง 8 โซน ให้ได้เลือกชมหรือนั่งพักชิลล์ๆ รวมถึงมีมุมถ่ายรูปสวยๆ มากมาย

จุดเด่นของ Warehouse 30 คือ เป็นสถานที่ท่องเที่ยวในกรุงเทพที่ออกแบบมาให้เป็นพื้นที่สร้างสรรค์ พบปะผู้คน แลกเปลี่ยนความรู้ ความคิดเห็นในการทำงาน หรือสายอาชีพโดยเฉพาะ

กิจกรรมที่น่าสนใจ

  • ชมผลงานผลงานศิลปะ
  • นั่งพักผ่อน รับประทานอาหารและเครื่องดื่ม
  • พบปะสังสรรค์ แลกเปลี่ยนความรู้

การเดินทางมายัง Warehouse 30

  • รถไฟฟ้า BTS สายสีลม ลงสถานีสะพานตากสิน ทางออกที่ 3 แล้วต่อด้วยรถโดยสารประจำทาง หรือวินมอเตอร์ไซค์
  • รถไฟฟ้าใต้ดิน MRT ลงสถานีหัวลำโพง ทางออกที่ 1 แล้วต่อด้วยรถโดยสารประจำทาง หรือวินมอเตอร์ไซค์ ลงแยกสีพระยา เดินเข้าสู่ถนนเจริญกรุง แล้วเลี้ยวเข้าซอยเจริญกรุง 30
  • รถบัสสาย 1 ,16 , 75, 16 (ปอ.) (AC), และ 35 (ปอ.) (AC)

พิกัด: Warehouse 30

เวลาเปิด-ปิด: เปิดทุกวัน เวลา 09:00 – 22:00 น.

20. กระทรวงกลาโหม

20. กระทรวงกลาโหม

กระทรวงกลาโหม เป็นหน่วยงานราชการ และเป็นสถานที่ท่องเที่ยวกรุงเทพที่เหมาะกับคนทุกไลฟ์สไตล์ โดยกระทรวงกลาโหมเป็นสังกัดหน่วยงานทางราชการ มีหน้าที่ในการดูแลป้องกัน รักษาผลประโยชน์ของประเทศ และสร้างความร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้าน เพื่อให้มีสันติภาพที่ดีต่อกัน 

สำหรับสถาปัตยกรรม บริเวณหน้าอาคารจะมีสีชมพูอ่อนที่ตัดกันอย่างลงตัวกับอาคารสีเหลือง-ขาวด้านนอกอย่างสวยงาม ตลอดจนรูปทรงของตัวอาคารสไตล์ตะวันตกที่โดดเด่น บริเวณโดยรอบมีต้นไม้ที่คอยให้ความร่มรื่น ประกอบกับมีวิวทิวทัศน์น่ามอง เนื่องจากกระทรวงกลาโหมอยู่ตรงข้ามวัดพระแก้ว และสนามหลวง ส่งผลให้สภาพแวดล้อมของสถานที่แห่งนี้เป็นที่ดึงดูดต่อนักท่องเที่ยว ยิ่งในช่วงยามเย็นจะมีบรรยากาศที่ตัดกับแสง สี และไฟได้อย่างสวยงามลงตัว

จุดเด่นของสถานที่แห่งนี้ คือ บริเวณด้านหน้าของกระทรวงกลาโหมมีปืนใหญ่แบบโบราณวางอยู่ และมีในทหารคอยรักษาความปลอดภัยอย่างเคร่งครัด ทำให้เป็นจุดสนใจและมีเอกลักษณ์เป็นอย่างมาก

กิจกรรมที่น่าสนใจ คือ

  • เดินชมความสวยงามของสถานที่
  • ถ่ายรูปกับปืนใหญ่

การเดินทางมายังกระทรวงกลาโหม

  • รถไฟใต้ดิน MRT ลงสถานีสนามไชย และเดินต่อไปตามถนนสนามไชยประมาณ 850 เมตร
  • รถบัสสาย 9, 64, 123 ,2 (ปอ.) (AC) , 33 (ปอ.) (AC) , 507 (ปอ.) (AC)

พิกัด: กระทรวงกลาโหม

เวลาเปิด- ปิด: วันจันทร์-ศุกร์ เวลา 08:00 – 16:00 น.

21. วัดปากน้ำภาษีเจริญ

21. วัดปากน้ำภาษีเจริญ

วัดปากน้ำภาษีเจริญ เป็นสถานที่ท่องเที่ยวกรุงเทพสไตล์สายบุญ เหมาะกับคนที่อยากมากราบไหว้บูชาหลวงพ่อสด หรือศรัทธาในพระพุทธศาสนา โดยวัดปากน้ำภาษีเจริญเป็นวัดเก่าแก่ที่อยู่ติดกับริมเเม่น้ำเจ้าพระยาและถูกสร้างขึ้นมาในสมัยกรุงศรีอยุธยาตอนกลาง ต่อมาวัดแห่งนี้กลายเป็นศูนย์รวมจิตใจของผู้คนจนถึงปัจจุบัน ซึ่งภายในบริเวณวัดมีภาพวาดจิตรกรรมเกี่ยวกับพระพุทธศาสนาที่สวยงาม และประดับไปด้วยประติมากรรมสีเหลืองทอง นอกจากนี้ ยังมีเจดีย์แก้วมรกตซึ่งบรรจุพระบรมสารีริกธาตุให้ผู้คนได้มากราบไหว้บูชาเพื่อความเป็นสิริมงคล

จุดเด่นของวัดปากน้ำภาษีเจริญ คือ เป็นศูนย์กลางแห่งการปฏิบัติธรรม มีพระมหาเจดีย์รัชมงคลที่มีความสูงถึง 80 เมตร และมีพระพุทธธรรมกายเทพมงคลองค์ใหญ่สีทองอร่าม ซึ่งเป็นพระพุทธรูปปางสมาธิที่มีความสูงถึง 69 เมตรประดิษฐานอยู่คู่กันกับเจดีย์

กิจกรรมที่น่าสนใจ คือ

  • กราบไหว้บูชา ขอพร รูปหล่อของหลวงพ่อสด พระบรมสารีริกธาตุ และพระพุทธธรรมกายเทพมงคล
  • ชมความสวยงามของจิตรกรรม ประติมากรรม และสถาปัตยกรรมภายในวัด
  • ทำบุญ

การเดินทางมายังวัดปากน้ำภาษีเจริญ

  • รถไฟฟ้า BTS ลงสถานีวุฒากาศ แล้วต่อด้วยวินมอเตอร์ไซค์ หรือรถแท็กซี่
  • รถบัส ขึ้นรถบัสสาย 9, 189, 43, 111, 9 (ปอ.) (AC), 84 (ปอ.) (AC), 89 (ปอ.) (AC), และ 171 (ปอ.) (AC)

พิกัด: วัดปากน้ำภาษีเจริญ

เวลาเปิด-ปิด: เปิดทุกวัน เวลา 08:00 – 18:00 น.

สรุป

ข้อดีการเที่ยว พักผ่อนหย่อนใจในกรุงเทพ คือ ไม่ต้องหยุดยาวก็สามารถเที่ยวได้ เดินทางไม่ไกล โดยมีสถานที่ท่องเที่ยวในกรุงเทพหลากหลายสไตล์ให้เลือก ยกตัวอย่างเช่น หากเป็นสายทำบุญก็ควรมาเที่ยวที่วัดปากน้ำภาษีเจริญ หากเป็นสายกินก็สามารถมาเที่ยวที่ตลาดพลู หากเป็นสายที่ชอบงานศิลปะรักงานศิลปะ ก็สามารถมาเที่ยวที่หอศิลป์กรุงเทพฯ หรือหากเป็นสายรักธรรมชาติก็สามารถมาเที่ยวที่สวนจตุจักร สวนเบญจกิติ เป็นต้น ถ้าใครที่ไม่มีรถยนต์ส่วนตัวก็สามารถเลือกเดินทางโดยรถไฟฟ้า BTS หรือ MRT ตามความสะดวกของแต่ละคน หรือหากใครไม่รู้ว่าควรไปเที่ยวที่ไหนดี ก็สามารถเลือกที่เที่ยวในบทความนี้ เพื่อเป็นแนวทางการท่องเที่ยวกรุงเทพต่อไปได้